สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) และ บริษัท แชสซีพลัสอินฟิล จำกัด (FabLabThailand) ลงนามความร่วมมือในโครงการ “การสนับสนุนการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)” ภายใต้โครงการ “ชนชราแห่งอนาคต : การพัฒนานวัตกรรมตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สำหรับผู้สูงอายุและผู้ประกอบการสังคม” เพื่อสนับสนุนกลุ่มธุรกิจเพื่อสังคมผู้สูงอายุ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งระบบทั่วประเทศ ในการเป็นผู้ประกอบการ SME INNOVATION ด้วยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาช่วยพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริการ และแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุ โดย สวทช. โปรแกรม ITAP จะสนับสนุนทุนพัฒนานวัตกรรมสูงสุดวงเงิน 400,000 บาทต่อโครงการ ขณะที่ SCB จะสนับสนุนสินเชื่อนวัตกรรมวงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และ FabLab Thailand จะสนับสนุนองค์ความรู้คำปรึกษาและพัฒนาโครงการของ SME ให้เป็นรูปธรรม

รศ.ดร.รัชพล สันติวรากร ผู้อำนวยการโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. โดยโปรแกรม ITAP ให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการ SME มาอย่างต่อเนื่อง โดยในการดำเนินโครงการ “ชนชราแห่งอนาคต : การพัฒนานวัตกรรมตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สำหรับผู้สูงอายุและผู้ประกอบการสังคม” ITAP ได้สนับสนุน SME ตั้งแต่การเก็บและรวบรวมข้อมูล การวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค การวิเคราะห์ผลและสังเคราะห์ข้อมูล จนถึงการทำต้นแบบสิ่งใหม่ เพื่อให้เกิดการทำธุรกิจในเชิงอุตสาหกรรมในที่สุด โดยสนับสนุนทุนในการพัฒนานวัตกรรมด้วยวงเงินสูงสุด 400,000 บาทต่อโครงการ เพื่อเป็นกลไลช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมแก่ผู้ประกอบการ SME ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุ ตัวอย่างเช่น การพัฒนาระบบบริการดูแลรับส่งผู้สูงวัย การพัฒนาห้องน้ำอัตโนมัติแก่ผู้สูงวัย รวมถึงการออกแบบที่พักอาศัยขนาดเล็กสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ สวทช. มุ่งเน้นขยายโอกาสในการส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มธุรกิจเพื่อสังคมผู้สูงอายุ อาทิ การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อผู้สูงอายุ การพัฒนาสินค้าบริการเพื่อผู้สูงอายุ การพัฒนาเทคโนโลยีหรือแอปฟลิคชันต่างๆ บนมือถือสำหรับสังคมผู้สูงอายุ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดครอบคลุมกลุ่มธุรกิจ SME จำนวนมาก โครงการนี้ สวทช. จึงมีความร่วมมือกับ FabLab Thailand ในฐานะที่ปรึกษาสำหรับกลุ่มธุรกิจเพื่อผู้สูงอายุ รองรับการพัฒนาโครงการต่างๆ และความร่วมมือกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมเป็นพันธมิตรสนับสนุน สร้างโอกาสให้ SME เข้าถึงองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม และเป็นแหล่งทุนสนับสนุนSME รวมถึงจะจัดสัมมนาให้ความรู้ด้านการพัฒนาโครงการเพื่อขอรับทุนตามหลักเกณฑ์ และการให้ความรู้ด้านการพัฒนาโครงการเพื่อธุรกิจผู้สูงอายุด้วย ที่ SCB Business Center สาขาเซ็นทรัลเวิลด์

นางสาวอรุณี บุญเกิด ผู้อำนวยการ SME Value Partner ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ มีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะช่วยผู้ประกอบการ SME ให้เกิดความยั่งยืน โดยเฉพาะเรื่องการใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง เพราะในการผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพสามารถแข่งขันได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงในการขายและการทำตลาดให้กับสินค้ามีความจำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเช่นกันด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เอื้อประโยชน์แก่ SME จำเป็นต้องมีพันธมิตรในการร่วมส่งเสริมสนับสนุน โดยพันธมิตรหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่ได้เข้ามาร่วมกันครั้งนี้ คือ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และบริษัท บริษัท แชสซีพลัสอินฟิล จำกัด เพื่อร่วมกันสร้างปัจจัยเอื้อให้ SME เข้าถึงการส่งเสริมและสนับสนุนทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีง่ายขึ้น และสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนให้แก่ผู้ประกอบการ SME กลุ่มที่มีการใช้ INNOVATION ให้มีขีดความสามารถในการพัฒนากิจการยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างโอกาสให้ SME เข้าถึงองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ โดย SME สามารถสอบถามและสมัครได้ที่ SCB Business Center ทั้ง 4 สาขา ได้แก่ สยามสแควร์ สำเพ็ง เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ และเซ็นทรัลเวิลด์ สำหรับความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นช่องทางการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME ได้รับประโยชน์และสร้างธุรกิจให้ยั่งยืนต่อไป”

ด้าน นางสาวกัลยา โกวิทวิสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แชสซีพลัสอินฟิล จำกัด (FabLab Thailand) กล่าวว่า โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่จะช่วยกันสนับสนุนผู้ประกอบการที่มองหาโอกาสและความท้าทายของสังคมผู้สูงอายุที่กำลังมาถึง ผ่านการวิจัยเชิงประยุกต์ การเข้าถึงแหล่งข้อมูล และการเชื่อมโยงกับเครือข่ายสังคม (Social Connectivity) ที่เอื้อต่อการสร้างโอกาสใหม่ในการนำไปสู่ช่องทางทางธุรกิจสินค้าและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับผู้สูงอายุกลุ่มใหม่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของนักธุรกิจ ที่ต้องการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อชนชราแห่งอนาคต

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here