โรงเรียนนานาชาติ Denla British School (DBS) เปิดตัว “มร. มาร์ค แมคเวย์” ครูใหญ่ ผู้มากประสบการณ์ด้านการศึกษาจากประเทศอังกฤษ พร้อมเปิดวิสัยทัศน์ สังคมยุคโลกาภิวัตน์ ต้องการบุคลากรเก่งภาษา ความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะในการใช้ชีวิต ส่งผลความต้องการเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง 10 ปี DBS ชูจุดแข็ง 4 ด้าน พร้อมแผนลงทุนปีหน้า เตรียมเปิดรับนักเรียนประจำจีน พม่า เกาหลีใต้ และเวียดนาม รองรับนโยบายรัฐบาลดันไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษานานาชาติของภูมิภาคอาเซียน

มร. มาร์ค แมคเวย์ ครูใหญ่โรงเรียนนานาชาติ Denla British School (DBS) เปิดเผยว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจ และสังคมยุคโลกาภิวัฒน์ที่ต้องการบุคลากรที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี มีความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และทักษะชีวิต โรงเรียนนานาชาติ จึงเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นมากในประเทศไทยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นอกจากคนไทยที่ส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติมากขึ้นแล้ว ครอบครัวชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบอาชีพ และดำเนินธุรกิจในประเทศไทยและประเทศอาเซียนก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

ทั้งนี้ ความต้องการเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วของโรงเรียนนานาชาติในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน ประเทศไทยมีโรงเรียนนานาชาติทั้งหมด 175 โรง และเป็นสมาชิกของสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย (ISAT) ทั้งหมด 127 โรง โดย 2 ใน 3 เป็นโรงเรียนนานาชาติในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ในปี 2560 เพียงปีเดียว มีโรงเรียนนานาชาติเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 20% นับเป็นการขยายตัวแบบก้าวกระโดด ในธุรกิจที่มีขนาดของตลาดรวมประมาณ 60,500 ล้านบาท/ปี (อ้างอิงจาก ISAT) ซึ่งมีแข่งขันอย่างเข้มขึ้นในแวดวงโรงเรียนนานาชาติ

“อย่างไรก็ดี แม้โรงเรียนนานาชาติที่เปิดอยู่เดิม จะได้เปรียบโรงเรียนนานาชาติที่เปิดใหม่บ้างในด้านชื่อเสียงและการเป็นที่รู้จัก แต่โรงเรียนนานาชาติใหม่ๆ ก็มีโอกาสดีในการพัฒนาจุดแข็งที่แตกต่าง และตอบโจทย์ให้กับสังคมมากกว่าหลายโรงเรียนที่เปิดทำการเรียนการสอนอยู่เดิม ในส่วนนี้ DBS ได้นำเอาประสบการณ์จากโรงเรียนชั้นนำทั้งในประเทศอังกฤษ และเอเชีย มาพัฒนาการเรียนการสอนโดยมุ่งเน้นไปที่คุณภาพการเรียนการสอน และสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ให้เด็กๆ ค้นพบทิศทางและความถนัดของตนเอง เพื่อพัฒนาได้เต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น” มร. แมคเวย์ กล่าว

สำหรับเป้าหมายและทิศทางของ DBS ในปี 2019 มร. แมคเวย์ กล่าวเสริมว่า DBS มีความตั้งใจที่จะพัฒนาจุดแข็ง 4 ด้าน ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ได้แก่ 1. การใช้หลักสูตรและรูปแบบการจัดการเรียนการสอนจากโรงเรียนเอกชนชั้นนำของประเทศอังกฤษ ที่มีความโดดเด่นทั้งด้านวิชาการและด้านกิจกรรม มาปรับปรุงให้เข้ากับบริบทของสังคมไทย รวมถึงการเสริมภาษาจีน และภาษาไทยเข้าไปในหลักสูตรเพื่อให้เข้ากับความต้องการของโลกอนาคต (Enhanced British Curriculum) 2. การส่งเสริมด้านวิชาการอย่างเต็มศักยภาพให้แก่นักเรียน (Academic Excellence for All) 3. การพัฒนาและปลูกฝังทักษะความเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) เช่น ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ความกล้าหาญในการตัดสินใจและลงมือทำ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในอนาคต และ 4. การปลูกฝังพื้นฐานภาษาและวัฒนธรรมไทยที่เข้มแข็งให้กับนักเรียน (Preserving Thainess)

มร. แมคเวย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้ DBS รับบุคลากรครู และพนักงาน ที่มีความเชี่ยวชาญมาเสริมทีมให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อรองรับนักเรียนที่เพิ่มขึ้นจากปีการศึกษาที่แล้ว และเพื่อเตรียมพร้อมเปิดการเรียนการสอนแผนกมัธยมปลาย (Senior School) สำหรับนักเรียนที่จะไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก ทั้งนี้ เรามีครูที่มาจากประเทศอังกฤษมากถึง 45 คน

นอกจากนั้น ยังมีการปรับปรุงสนามกีฬากลางแจ้งส่วนหนึ่งให้กลายเป็นสนามกีฬาในร่มขนาดใหญ่ ซึ่งเด็กนักเรียนสามารถเล่นกีฬาได้หลายประเภทในสนามกีฬาแห่งใหม่ ซึ่งรวมถึงสนามบาสเกตบอล 2 สนาม คอร์ทแบดมินตัน 6 คอร์ท และสนามเน็ตบอล 2 สนาม รวมถึงยังมีโครงการที่จะปรับปรุงอาคารสถานที่ส่วนอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะให้กับเด็กนักเรียนในทุกชั้นปีอีกด้วย ด้วยแผนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้ มร. แมคเวย์มั่นใจว่า DBS จะเป็นที่รู้จักในฐานะโรงเรียนนานาชาติชั้นนำของประเทศไทยในเวลาอันใกล้อย่างแน่นอน

ด้าน ผศ. ดร. ต่อยศ ปาลเดชพงศ์ กรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติ DBS กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของตลาดการศึกษานานาชาติในประเทศไทย ปัจจุบันมีกลุ่มทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนธุรกิจการศึกษาในประเทศไทยจากหลายประเทศโดย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย รัสเซีย และอังกฤษ ซึ่งข้อมูลนี้มาจากสำนักงานพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการ อย่างไรก็ดี จากการที่รัฐบาลมีแนวทางส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษานานาชาติของภูมิภาคอาเซียน ทำให้จำนวนนักเรียน และนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาศึกษาในประเทศไทยที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างมากในอีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า DBS จึงมีแผนที่จะเปิดรับนักเรียนประจำ (Boarding School) เพื่อรองรับนักเรียนจากต่างประเทศ อาทิ จีน พม่า เกาหลีใต้ และเวียดนาม และนักเรียนไทยที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัดด้วย

ทั้งนี้ เราวางแผนที่จะรับนักเรียนประจำ หรือ Boarding ซึ่งแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือนักเรียนที่มาจากต่างจังหวัด และกลุ่มที่สองคือนักเรียนที่มาจากต่างประเทศ สำหรับกลุ่มที่สอง เราเชื่อมั่นว่า DBS จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น Education Hub ของภูมิภาค โดยเริ่มจากทำการตลาดกับประเทศในแถบอินโดจีน (Indochina) ก่อน ซึ่งจะเป็นช่วยภาครัฐในการเพิ่มเม็ดเงินในภาคการศึกษา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐ Thailand 4.0 ในส่วนของอุตสาหกรรมการศึกษา

สำหรับแผนการลงทุนในเฟส 2 ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 600 ล้านบาท จะเน้นก่อสร้างที่เป็นห้องเรียนกิจกรรมมากขึ้น จะเน้นเป็น Specialist มีห้องแลบวิทยาศาสตร์ที่แบ่งเป็น ชีวะ ฟิสิกส์ และเคมีมากถึง 6 ห้อง นอกจากนี้ ยังจะมีห้องดราม่า ห้องออดิทอเรียมใหญ่จุคนได้มากถึง 600 – 700 คน เพื่อให้เด็กใช้เป็นเวทีเพื่อแสดงออก รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ตนเอง นอกจากนี้ ยังเพิ่มในส่วนของ Art และ music department ทั้งนี้ ในภาคปีการศึกษาหน้า เราตั้งเป้าจะรับนักเรียนเข้าเรียนในYear 9 ประมาณ 1-2 ห้อง โดยมีจำนวนนักเรียนห้องละประมาณ 22 คน

ขณะที่ ดร.เต็มยศ ปาลเดชพงศ์ กรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติ DBS อีกท่าน เสริมว่า โรงเรียนนานาชาติแห่งนี้ ยังมีจุดมุ่งหมายในการเป็นโรงเรียนที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาได้ดีที่สุดโรงเรียนหนึ่ง โดยมุ่งหวังจะเป็น Apple Distinguished School ที่สมบูรณ์แบบในอนาคต ดังนั้นเราจึงวางโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีไว้เป็นอย่างดี และมีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้รับกับอุปกรณ์ของทาง Apple ที่เราใช้เป็นเครื่องมือและสื่อการเรียนการสอนในโรงเรียน ที่ DBS มีห้อง Mac Lab และMaker Space เพื่อให้นักเรียน DBS ได้มีโอกาสใช้เทคโนโลยี อาทิ 3D Printer เพื่อการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ รวมทั้งเรียนรู้เรื่อง Programming และ Coding จากเทคโนโลยีที่ทาง DBS ได้จัดเตรียมไว้ให้อีกด้วย ซึ่งตรงนี้เราคิดว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่เด็กรุ่นดิจิตอลต้องมีความรู้เรื่องนี้เป็นพื้นฐาน เอาไว้ต่อยอดทำในสิ่งที่เด็กๆต้องการจะทำในอนาคต และสามารถส่งเสริมให้เด็กมีความสามารถทัดเทียมกับมาตรฐานสากลได้

ผศ. ดร. ต่อยศ ปาลเดชพงศ์ กล่าวเสริมอย่างมั่นใจว่า ด้วยประสบการณ์อันยาวนานด้านการศึกษา จากการบริหารจัดการโรงเรียน Marlborough College ซึ่งเป็นโรงเรียนสหศึกษาเอกชนชื่อดังในประเทศอังกฤษ และผลงานที่ยอดเยี่ยมในการพัฒนาโรงเรียน Marlborough College Malaysia ประกอบกับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากกลุ่มโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า โรงเรียนนานาชาติDBS จะมีคุณภาพการศึกษาทัดเทียมโรงเรียนนานาชาติชั้นนำของโลก

อนึ่ง โรงเรียนนานาชาติเด่นหล้า (Denla British School) หรือ DBS เป็นโรงเรียนในเครือของกลุ่มโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า ที่เปิดสอนโดยใช้หลักสูตรการศึกษาของโรงเรียนเอกชนในประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 45 ไร่ ถนนราชพฤกษ์ โดยมีคณะผู้บริหาร คือ อาจารย์อารย์ ปาลเดชพงศ์ (ประธานกรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติ DBS) ผศ. ดร. ต่อยศ ปาลเดชพงศ์ (กรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติ DBS) และดร. เต็มยศ ปาลเดชพงศ์ (กรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติ DBS) เปิดรับนักเรียนอายุระหว่าง 3-18 ปี เข้าเรียนในระดับ Early Year 1 จนถึง Year 13 (เทียบเท่าชั้นอนุบาล 1 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6)

หลักสูตรการศึกษาของโรงเรียน ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้เหมาะกับการศึกษาของนักเรียนไทย โดยมีส่วนช่วยเติมเต็มการเรียนรู้ ศักยภาพ และการใช้ชีวิตของนักเรียนได้อย่างมีเอกลักษณ์ โรงเรียนยังสรรหาบุคลากรในระดับแนวหน้าของวงการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีเยี่ยมเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับนักเรียนทุกคน ในปีการศึกษา 2561 เปิดการเรียนการสอนในระดับชั้นอนุบาล 1 (Early Year 1) จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 2 (Year 8) อายุระหว่าง 3-12 ปี และจะเปิดต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนถึง Year 13 (อายุ 18 ปี) ในปีต่อๆ ไป

โรงเรียนนานาชาติ Denla British School (DBS) มุ่งเน้นการพัฒนาและส่งเสริมนักเรียนไปตามทิศทางความถนัดของแต่ละคน เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่สนุกและน่าสนใจ ทำให้มีความรู้ลึกซึ้งในระดับที่สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้จริง โดยมีครูผู้เชี่ยวชาญคอยชี้แนะแนวทางให้นักเรียนบรรลุเป้าหมายตามศักยภาพของแต่ละคน รวมถึงสามารถสื่อสารได้หลากหลายภาษา ทั้งอังกฤษ ไทย และจีน ได้ดีตามแบบฉบับของเจ้าของภาษา ผนวกกับการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการเรียนการสอนให้อยู่ในระดับมาตรฐานโลก

ด้านการเรียนการสอน DBS จะใช้ระบบ Extended Day หรือการใช้วันเรียนที่ยาวขึ้น ซึ่งจะเสริมกิจกรรมต่างๆ ให้กับนักเรียนในช่วงเย็น รวมถึงชมรม (Club) ต่างๆ และช่วงเวลาในการทำการบ้าน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันต่อไป (Prep) ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องอยู่ภายใต้ดูแลอย่างใกล้ชิดของคุณครูประจำ

ทั้งนี้ DBS มีอาคารสถานที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากล เช่น อาคารเรียน และห้องเรียนขนาดใหญ่พิเศษ อุปกรณ์การเรียนการสอนครบครัน และเกือบ 50% ของพื้นที่ 45 ไร่ถูกพัฒนาให้เป็นพื้นที่กิจกรรม อาทิ สนามฟุตบอลขนาดมาตรฐาน ปูด้วยหญ้าระดับแข่งขัน (FIFA Preferred 2 Star) พร้อมลู่วิ่งมาตรฐานขนาด 400 เมตร สนามบาสเกตบอล สนามเทนนิส สนามฝึกซ้อมกอล์ฟ สระว่ายน้ำ (สระน้ำเกลือ) โรงยิมในร่มขนาดใหญ่ โรงละคร ห้องดนตรี ห้องสมุด ห้องศิลปะ 2D และ 3D ห้องเรียนเต้น และห้องกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here