กรมชลประทาน โชว์นวัตกรรมผลิตจากยางพารา เพื่อใช้ในงานชลประทาน หวังช่วยเกษตรกรชาวสวนยาง ะนวัตกรรมเรือกำจัดวัขพืชขนาดเล็ก หวังนำมาช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านการวิจัยส่งเสริมการใช้ยางพารา โดยมี ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยผู้บริหารกรมชลประทาน ให้การต้อนรับและนำเสนอผลงานวิจัยเพื่อส่งเสริมการใช้ยางพารา และการกำจัดวัชพืช ได้แก่ ทุ่นพลาสติก HDPE ปูด้วยแผ่นยางกันลื่น เรือนวัตกรรมกำจัดวัชพืชขนาดเล็ก ทุ่นยางพาราดักผักตบชวา และรางวัดปริมาณน้ำชลประทานจากยางพารา  บริเวณสำนักเครื่องจักรกล และสำนักวิจัยและพัฒนา กรมชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้สนองนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานรัฐ โดยการนำยางพารามาใช้ในกิจกรรมของงานชลประทาน คือการคิดค้นนวัตกรรม ทุ่นพลาสติก HDPE ปูด้วยแผ่นยางกันลื่น ดยเนื้อวัสดุของทุ่นเป็น High Density Polyethylene ซึ่งเป็นพลาสติกประเภทพอลิเอทิลีน ที่มีค่าความหนาแน่นสูง ส่วนแผ่นสังเคราะห์ยางปูพื้นประกอบด้วย ยางธรรมชาติ 85% ยางสังเคราะห์ 5% และอื่นๆ 10ใช้เป็นโป๊ะลอยน้ำจากทุ่น HDPE สำหรับเทียบเรือเพื่อใช้สัญจรในการปฏิบัติงาน ในอ่างเก็บน้ำ คลองชลประทาน หรือเขื่อนต่างๆ

เรือกำจัดวัชพืชขนาดเล็ก มีคุณลักษณะเฉพาะและรูปแบบของเรือกำจัดวัชพืชขนาดเล็ก โครงสร้างและเปลือกเรือ ทำจากวัสดุอลูมิเนียมขึ้นรูปและเชื่อมประกอบ ขนาดความกว้าง 1.70 เมตร ความยาว 4.80 เมตร และความสูง 0.50 เมตร บุ้งกี๋สำหรับตักเก็บวัชพืช เป็นแบบตะแกรง ทำจากอลูมิเนียมผสม ขนาดความกว้าง 105 เซนติเมตร ความยาว 200 เซนติเมตร และความสูง 55 เซนติเมตร  ล้อระหัด สำหรับขับเคลื่อนเรือให้เดินหน้า ถอยหลัง แบบเป็นอิสระต่อกัน เครื่องยนต์ต้นกำลังใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 13 แรงม้า สตาร์ทด้วยมอเตอร์ (มีแบตเตอรี่) และเชือกสตาร์ท ความเร็วในการเดินเรือ ไปได้ทั้งเดินหน้าและถอยหลังในน้ำ ประมาณ 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราความสิ้นเปลืองนำมันเชื้อเพลิง(เบนชิน) ประมาณ  2 ลิตร/ชั่วโมง หรือประมาณ 60 บาท ต่อชั่วโมง ใช้พนักงานควบคุมบนเรือ จำนวน 1 คน ความสามารถในการเก็บวัชพืช (ผักตบชวา) ประมาณ 60 ตัน/วัน ขึ้นอยู่กับสภาพของวัชพืชและความชำนาญของพนักงานควบคุมเรือ

นอกจากนี้ ยังมีทุ่นยางพาราดักผักตบชวา (Para.-Log Boom) เป็นผลงานศึกษา วิจัยและพัฒนาเพื่อนำไปใช้วางกั้นคลองชลประทานดักผักตบชวา โดยออกแบบให้ใช้เนื้อยางธรรมชาติ 30 กก.ต่อทุ่น มีความยาว 2 เมตร สามารถลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ 50 ของเส้นผ่านศูนย์กลาง แผนการดำเนินงานในปี พ.ศ.2562 ติดตั้งในเขต ลุ่มน้ำเจ้าพระยา (พื้นทีสำนักงานชลประทานที่ 10 11และ12) และมีเป้าหมายขยายผลจัดทำทุ่นและติดตั้งทั่วประเทศ ในโครงการชลประทาน 200 โครงการๆ ละ 100 จุด เป็นจำนวน 340,000 ทุ่น หรือคิดเป็นน้ำหนักยางพาราทั้งสิ้น 10,200 ตัน

อีกหนึ่งนวัตกรรม คือ รางวัดปริมาณน้ำชลประทานจากยางพารา (Para.- Cutthroat flume)  ใช้สำหรับวัดปริมาณน้ำของการเกษตรกรรมในเขตจัดรูปที่ดิน ทำให้เกิดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยอุปกรณ์มีขนาดความกว้างราง 0.20 เมตร ยาว 0.90 เมตร สูง 0.25 เมตร และมีแผนการผลิตจำนวน 1,000 ชุด คิดเป็นปริมาณยางที่ใช้ 10 ตัน

“ทั้ง 4 ผลงานนวัตกรรมล้วนเป็นผลงานการคิดค้นและพัฒนาจากกรมชลประทาน ที่คิดค้นขึ้นมาสำหรับสนับสนุนการดำเนินงานในภารกิจของกรมชลประทานด้านต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” ดร.ทองเปลวฯ กล่าวในที่สุด

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here