ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 5 กรมชลประทาน มั่นใจแผนปฎิบัติการช่วงหน้าแล้ง เป็นไปตามเป้าหมาย และนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ณรงค์ วงษ์ศิริ ผู้อำนวยการส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 5 หันตรา พระนครศรีอยุธยา เปิดเผย พร้อมนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามภารกิจช่วงหน้าแล้งประจำปี 2564 ตามนโยบายของ ประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวหลายสำนักอย่างมั่นใจว่า “ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 5 กำลังดำเนินการตามแผนอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะกิจกรรมหลักในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในหลายพื้นที่ทั้งในภาคกลาง ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบรวม 17 จังหวัด ครอบคลุม 3 สำนักชลประทาน คือ สำนัก 9 10 และ12 โดยในส่วนการช่วยเหลือลดผลกระทบด้านภัยแล้ง สบค 5ได้รับการสนับสนุนเครื่องจักรกลที่มีประสิทธิภาพสูงจาก ผู้อำนวยการสำนักเครื่องจักรกล สุพิศ พิทักษ์ธรรม ทำให้ สบค 5 มีศักยภาพในการสนองนโยบายของกรมชลประทานตามเป้าหมาย ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดจากหัวหน้าฝ่ายต่างๆภายใน สบค ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแทร็คเตอร์ รถขุด เรือขุดเก็บวัชพืชทางนำ้ รวมทั้งหน้าฝ่านวิศวกรรม“ ผอ. ณรงค์ กล่าว
ในด้านเก็บวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางนำ้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผักตบชวา สบค 5 ได้ใช้เครื่องจักรกลขนาดใหญ่ สามารถเก็บผักตบชวาจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว สามารถปฏิบัติงานได้ในทุกสภาพลำนำ้ ที่ผ่านมา ฝ่ายเรือขุดเก็บวัชพืชได้เข้าดำเนินการในลุ่มนำ้ลำคลองสาขาที่มีความสำคัญในการบริหารและจัดการนำ้โดยเฉพาะในภาคกลางมีความคืบหน้าไม่น้อยกว่า 60 % และคาดว่าการดำเนินงานจะแล้วเสร็จทันตามแผนปฏิบัติการภัยแล้งประจำปีอย่างแน่นอน
และเพื่อให้เห็นภาพการปฏิบัติงานของ สบค 5 ผอ ณรงค์ วงษ์ศิริ ได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ตำบลบางแก้ว ตำบลท่าอิฐ ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมภายใต้ลุ่มนำ้คลองบางแก้วที่มีความสำคัญ และเป็นคลองเชื่อมระหว่างแม่นำ้เจ้าพระยากับแม่นำ้ลพบุรี โดยเครื่องจักรขนาดใหญ่กำลังทำงานตบอดเวลา ด้วยกำลังการตักเก็บจำนวน 30-35 ตันต่อชั่วโมง ทำให้คาดว่า คลองบางแก้วที่มีความยาวประมาณ 15 กิโลเมตรจะเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่กี่วัน
ในช่วงท้ายของการปฎิบัติภารกิจของส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 5 ผอ ณรงค์ ยังได้เปิดแนวคิดและนโยบายสำคัญของสำนักเครื่องจักรกลซึ่งมีส่วนให้การทำงานประสบความสําเร็จ กล่วาคือ การเข้าถึง เข้าพบ และเข้าแก้ซึ่งเป็นแนวทางที่อธิบดีกรมชลประทานได้มอบให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนของกรมฯต้องลงพื้นที่จริง นำปัญหามาวิเคราะห์และนำไปสู่การแก้ไขอย่างทันท่วงที