ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี และ กลุ่มบริษัทดาว ประเทศไทย (Dow) แถลงความสำเร็จโครงการขยายกำลังการผลิตของโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ (MOC Debottleneck หรือ MOCD) ซึ่งดำเนินการสำเร็จเร็วกว่าแผนและเริ่มทดลองดำเนินการผลิตแล้ว คาดว่าจะผลิตได้เต็มกำลังภายในเดือนพฤษภาคม 2564 จะทำให้มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์เพิ่มขึ้น 350,000 ตันต่อปี ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของอุตสาหกรรมทั่วโลก และยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทย โดยมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทำให้กระบวนการผลิตมีต้นทุนการลงทุนที่ต่ำลง และยังช่วยประหยัดพลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เผยว่า โครงการ MOCD เป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดของโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ ทั้งในแง่การลงทุนและความท้าทายด้านเทคโนโลยี โครงการนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดีโดยใช้เวลาเร็วกว่าเแผน แม้จะมีสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่ด้วยมาตรการป้องกันการการระบาดของโควิด19 อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ผนวกกับความสามารถและความเชี่ยวชาญของบุคลากร ส่งผลให้โครงการเดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย พร้อมตอบสนองความต้องการลูกค้าทั้งภายในและต่างประเทศ

นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี กล่าวว่า โครงการ MOCD นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี และ Dow ที่ได้ร่วมมือกันสร้างการเติบโต และเพิ่มศักยภาพของธุรกิจให้มีขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์เพิ่มขึ้น 350,000 ตันต่อปี มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัตถุดิบ และยังใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทำให้กระบวนการผลิตมีต้นทุนการลงทุนที่ต่ำลง และยังประหยัดพลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Process) คาดว่าจะผลิตได้เต็มกำลังภายในเดือนพฤษภาคม 2564นายบัมบัง จันดรา รองประธานฝ่ายธุรกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดพิเศษของ Dow เปิดเผยว่า “ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างของ Dow ในตลาดบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดพิเศษมีการเติบโตเป็นอย่างมากในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เป็นผลจากเมกะเทรนด์ เช่น ความยั่งยืน อุตสาหกรรม 4.0 และการดูแลสุขภาพที่ผู้คนให้ความใส่ใจ ความสำเร็จของโครงการขยายกำลังการผลิต (Debottleneck) ในครั้งนี้ทำให้เราได้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นซึ่งจะช่วยให้ Dow สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจที่ตอบโจทย์เทคโนโลยีและความยั่งยืนนี้ได้อย่างต่อเนื่อง”

ด้าน นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า การที่ Dow ร่วมมือกับเอสซีจีในการลงทุนและนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มกำลังการผลิตในครั้งนี้ นอกจากเป็นการตอกย้ำพันธสัญญาของ Dow ที่มีต่อลูกค้าของเราในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจให้กับลูกค้าของเราแล้ว ยังเป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ภาคอุตสาหกรรมไทยในด้านเทคโนโลยีและศักยภาพการแข่งขัน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปอีกด้วย”

บริษัท มาบตาพุด โอเลฟินส์ จำกัด (MOC) เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่เอสซีจีถือหุ้นทั้งหมด และ บริษัท Dow โดยเอสซีจีมีสัดส่วนการถือหุ้นทางอ้อมใน MOC ร้อยละ 67 และ Dow ถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมในส่วนที่เหลือทั้งหมดร้อยละ 33ได้อนุมัติโครงการขยายกำลังการผลิตของ MOC เมื่อปี 2561 ด้วยเงินลงทุนประมาณ 15,500 ล้านบาท

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here