นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทสำหรับไตรมาสที่ 1 ของปีการเงิน 2565 (เมษายนมิถุนายน 2564) เป็นผลการดำเนินงานเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน ซึ่งเป็นรายได้จากการขายและบริการที่เก่ียวข้อง โดยมีปริมาณการขายในไตรมาสนี้อยู่ที่ 346,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ16 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากการขายที่เพิ่มขึ้นในเหล็กลวดชนิดพิเศษในประเทศและการส่งออก แต่ลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

รายได้จากการขายและบริการที่เกี่ยวข้องในไตรมาสนี้อยู่ที่ 7,892 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 และร้อยละ 72 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายสินค้าปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกต่อเนื่องมาจากไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรก่อนภาษีเงินได้ 849 ล้านบาทในไตรมาสนี้ เทียบกับกำไรก่อนภาษีเงินได้ 80 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กำไรก่อนภาษีเงินได้ในไตรมาสก่อนอยู่ท่ี 417 ล้านบาท ผลประกอบการที่ดีขึ้นในช่วงนี้เป็นผลมาจากราคาขายที่เพิ่มสูงขึ้นจากสภาวะตลาดปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นนี้ และถูกชดเชยบางส่วนด้วยต้นทุนเฟอโรอัลลอยที่เพิ่มขึ้น ค่าบำรุงรักษาท่ีเพิ่มขึ้นจากการหยุดซ่อมแซมโรงงานประจำปีตามแผน และปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น

วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 266 ล้านบาทจากวันที่31 มีนาคม2564 เนื่องจากสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น 623 ล้านบาท จากสินค้าสำเร็จรูปและเศษเหล็ก ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่นเพิ่มขึ้น64 ล้าน เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลง (338) ล้านบาท ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ลดลง (64) ล้านบาท จากค่าเสื่อมราคา

นอกจากนี้ บริษัทยังมีหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นรวมเพิ่มขึ้น 266 ล้านบาทจากวันที่ 31 มีนาคม 2564 เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้น 848 ล้านบาท จากกำไรสุทธิของปีนี้ เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นลดลง(450) ล้านบาท ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเศษเหล็กและบิลเล็ต เงินกู้ยืมระยะสั้น เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนลดลง(103) ล้านบาท หนี้สินตามสัญญาเช่าลดลง(32) ล้านบาท

นายราจีฟ มังกัล เพิ่มเติมว่า เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2564 ได้หดตัวร้อยละ 2.6 ฟื้นตัวจากการลดลงร้อยละ 4.2 ในไตรมาสก่อนหน้า ภาคการผลิตและการก่อสร้างกลับมาขยายตัว อุปสงค์ในประเทศได้รับแรงหนุนหลักจากการใช้จ่ายของรัฐบาลในโครงการโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และจากการขยายและยกระดับเครือข่ายถนนและรถไฟในประเทศเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการระบาดใหญที่ต่ำ ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งเป็นแรงหนุนความเช่ือมั่นและราคาสินค้าสำเร็จรูปในประเทศในช่วงไตรมาส1 ปีการเงิน2565 เนื่องด้วยจำนวนผู้ป่วยโควิดท่ีเพิ่มขึ้น รัฐบาลจึงได้ประกาศเมื่อเร็วๆนี้ว่าสถานท่ีก่อสร้างในกรุงเทพฯและ จังหวัดใกล้เคียง จะปิดทำการและแคมป์คนงานจะถูกปิดเป็นเวลา 30 วันส่งผลให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงและ ความต้องการใช้เหล็กในภาคการก่อสร้าง คาดว่าจะได้รับผลกระทบในทางลบร้อยละ 30-40 ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจนี้ โรงงานทั้ง 3 แห่งของบริษัท ได้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในช่วงไตรมาส ดังกล่าวและปริมาณขายสินค้าสำหรับไตรมาสนี้อยู่ที่346,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ16 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ปริมาณขายลดลงประมาณร้อยละ6 เมื่อเทียบกับไตรมาส4ของปีการเงิน 2564 สาเหตุหลักมาจากความพร้อมใช้งานของวัสดุที่ลดลงจากแผนหยุดซ่อมแซมโรงงานประจำปี และการปิดสถานท่ีก่อสร้างตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน รายได้จากการขายของบริษัทสูงกว่าไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อนโดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการของตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น สินค้าคงเหลือรวมเพิ่มสูงขึ้น 623 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนมีนาคม2564 จากสินค้าสำเร็จรูปและเศษเหล็ก จากผลกระทบของการรับการส่งมอบที่ลดลง อันเป็นผลมาจากการปิดสถานที่ก่อสร้างชั่วคราว จำนวนวันในการหมุนเวียนสินค้าคงเหลือคือ 48 วัน สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 เทียบกับ43 วันเมื่อสิ้นเดือน มีนาคม 2564

นายราจีฟ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะส่งออกเหล็กราว 10-15% จากไตรมาสที่ 1 ปีการเงิน 2565 (เม..-มิ.. 64) ส่งออกเหล็กไปอินเดียและแคนาดาราว 2.8 หมื่นตัน จากปริมาณการขายรวม 3.46 แสนตันในไตรมาส 1 และคาดว่าในช่วงเวลาที่เหลือของปีบริษัทจะมีปริมาณการส่งออกเหล็กเพิ่มขึ้นอีก

นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างอุตฯ เหล็กในจีน ทำให้เหล็กลวดจากจีนส่งออกลดลง ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเหล็กของไทย ดังนั้น บริษัทมีแผนพัฒนาสินค้าใหม่ที่เป็นเหล็กลวดเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยเน้นเหล็กลวดคุณภาพสูง เช่น เหล็กลวดคาร์บอนกลาง และเหล็กลวดคาร์บอนสูง รวมทั้งสินค้าพร้อมใช้เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าปลายทาง อาทิ เหล็กสำหรับรากฐาน รวมทั้งใช้ช่องทางดิจิทัลในการซื้อขายเหล็กผ่านทางออนไลน์และแพลตฟอร์มต่างๆของบริษัท

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here