“ในการก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ที่ใช้ดิจิทัลเป็นพลังหลักขับเคลื่อน องค์กรธุรกิจในประเทศไทยต้องการระบบเครือข่ายที่มีเสถียรภาพ Aruba ESP ตอบโจทย์นี้ด้วยแพลตฟอร์มที่ครบถ้วนสมบูรณ์ เป็น Cloud-Native ที่มีความปลอดภัยระดับ Zero Trust Security และสามารถโปรแกรมให้เรียนรู้และปรับตัวโดยอัตโนมัติได้ด้วย AIOps ที่ใช้ Big Data, AI และ Machine Learning โดยไม่ต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบ สามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่นและอุปกรณ์ต่าง ๆ ใน ecosystem ของพันธมิตรทางเทคโนโลยีของอรูบ้าได้ด้วย ทำให้เกิดการประสานระบบโครงข่าย IT เข้ากับ OT (Operational Technology) และ IoT โดยมี High-Aware รับรู้สถานการณ์โดยรวมของสภาพแวดล้อมทั้งระบบ จึงปรับตัวให้มีเสถียรภาพ ความปลอดภัยและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงได้โดยอัตโนมัติ Aruba ESP รองรับโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ทุกธุรกิจของลูกค้าทั้งองค์กรขนาดใหญ่และ Start-up ที่ต้องให้บริการเชิงดิจิทัลครบครันอย่างเช่น การสร้างอาคารอัจฉริยะ สำหรับ คอนโดมิเนียม โรงเรียน โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก ที่พักคนชรา สนามกีฬาเป็นต้น และโรงงานอัจฉริยะ สำหรับธุรกิจการผลิต และการจัดส่งที่ถูกต้องรวดเร็วด้วยระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ รวมถึงเมืองอัจฉริยะที่รัฐบาลไทยพยายามผลักดันภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 อีกด้วย โดยทีมงาน Aruba ประเทศไทยพร้อมและยินดีอย่างยิ่งที่จะให้คำปรึกษาทุกท่านอย่างเต็มที่” คุณประคุณ เลาหกิตติกุล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของ Aruba บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise กล่าว
ในวันนี้ อรูบ้า (Aruba) บริษัทในเครือฮิวเลตต์แพคการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์ (NYSE: HPE) ได้ประกาศการปรับปรุงครั้งใหญ่ของ Aruba ESP (Edge Services Platform) ที่ผนวกรวมเอาระบบเครือข่ายสำหรับ IoT, IT และ Operational Technology (OT) เข้าด้วยกันเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว Aruba ESP คือแพลตฟอร์มแรกที่สามารถควบคุมการทำงานผ่านการโปรแกรมได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อสร้างข้อมูลแวดล้อม เช่น ข้อมูลระบุตัวตน, สถานที่, สถานะความมั่นคงปลอดภัย และแอปพลิเคชันที่กำลังใช้งานอยู่ เพื่อใช้ในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและนำไปใช้ในการทำ AIOps ด้วยระบบถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์และแอปพลิเคชันจากพันธมิตรทางด้านเทคโนโลยีของอรูบ้านี้ ลูกค้าของอรูบ้าจึงสามารถรับรู้สถานะการทำงานเชิงลึก (Hyper-Aware) ของสภาพแวดล้อมที่ใช้ในการทำงานได้ และทำให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเพื่อรองรับต่อความต้องการของธุรกิจ, ผู้มาเยี่ยมชม และพนักงานที่เปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา
ในทุกวันนี้ “โครงข่ายที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงถึงกัน” (Connected Facilities) นั้นสามารถรองรับได้เพียงการเชื่อมต่ออุปกรณ์สำหรับบริการด้านการควบคุมเพียงบางส่วนเท่านั้น ในขณะที่โครงข่ายที่สามารถรับรู้สถานะการทำงานเชิงลึก (Hyper-aware Facility) ได้นี้จะใช้ข้อมูลแวดล้อมที่ถูกสร้างขึ้นโดย Aruba ESP เพื่อให้โครงข่ายสามารถปรับตัวให้เข้ากับผู้ใช้งานและสภาพแวดล้อมในการทำงานได้อย่างยืดหยุ่น ด้วยการผสานรวมเครือข่าย IoT, IT และ OT เข้าด้วยกันภายใต้แพลตฟอร์ม Aruba ESP และการรับรู้ถึงข้อมูลแวดล้อมอย่างครบถ้วนนี้ จึงทำให้โครงข่ายแบบ Hyper-aware Facility นี้ก็จะมีความปลอดภัยที่สูงขึ้น, สามารถปรับตัวได้ดีขึ้น และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แนวทางนี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ที่จะสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่เหนือกว่าการเชื่อมต่อเพียงทั่วไป ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบเครือข่ายด้วยการใช้ Machine Learning
การปรับปรุงครั้งนี้ของ Aruba ESP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบบ Cloud-Native ซึ่งขับเคลื่อนโดย AI ได้ผนวกรวมเอาความสามารถในการรับรู้, การวิเคราะห์ และการตอบสนองต่อข้อมูลจากอุปกรณ์และข้อมูลแวดล้อมเอาไว้ด้วยกัน อุปกรณ์แอคเซสพอยท์ (Access Points) และสวิตช์ (Switches) ของอรูบ้าจะถูกใช้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับ IoT และ OT ที่สามารถรองรับการทำงานได้หลายโปรโตคอลเพื่อเชื่อมต่อกับพันธมิตรทางด้านเทคโนโลยีในระบบนิเวศของอรูบ้าที่กำลังเติบโต โดยทั่วไปแล้วระบบใด ๆ ที่มีการใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์เพื่อรับข้อมูลหรือแสดงผล (I/O) นั้นสามารถใช้งานได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นระบบสำหรับใช้งานในสายการผลิตของโรงงานหรือระบบมัลติมีเดียในห้องของ CEO ตั้งแต่ระบบตรวจสอบการเว้นระยะทางสังคม, ระบบตรวจสอบเสียงปืน, อุปกรณ์ตรวจสอบการหมุนของเครื่องจักร ไปจนถึงระบบนำทางแขกผู้มาเยี่ยมชม โดยมีโซลูชันที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะสำหรับใช้งานในสถานศึกษา, องค์กรธุรกิจ, โรงพยาบาลและสาธารณสุข, โรงแรมและที่พักอาศัย, โรงงานอุตสาหกรรม, การผลิต, ธุรกิจค้าปลีก, การคมนาคมขนส่ง และหน่วยงานภาครัฐ
กรณีตัวอย่างการนำการรับรู้สถานการณ์ทำงานในเชิงลึกไปใช้งานของของ Aruba ESP นี้ได้แก่ อาคารอัจฉริยะ, โรงงานอุตสาหกรรมและการผลิต และการใช้ Intelligent Edge สำหรับงานอื่น ๆ:
อาคารอัจฉริยะที่รับรู้ถึงสถานการณ์ทำงานในเชิงลึกสำหรับองค์กรธุรกิจ, สถานศึกษา, โรงพยาบาลและสาธารณสุข, โรงแรมและที่พักอาศัย, ธุรกิจค้าปลีก และหน่วยงานภาครัฐ
• การควบคุมอาคารและการทำ Digital Twin – ด้วยการใช้ความสามารถของ AI ที่มีในระบบเพื่อสร้างโมเดลจำลองอย่างทันท่วงที (Real-Time Simulation Models) ที่เปลี่ยนแปลงและเรียนรู้ถึงขั้นตอนต่าง ๆ ภายในอาคาร อรูบ้าได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางด้านเทคโนโลยีอย่างเช่น Microsoft Azure IoT เพื่อสร้างคู่แฝดดิจิทัลหรือโมเดลของซอฟต์แวร์ขึ้นมาเพื่อระบุถึงกระบวนการย่อยในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ, การแนะนำการปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการตรวจสอบแนวโน้มของการใช้พลังงานที่จำเป็นต่อการปรับปรุงแก้ไขในเชิงรุก
• การตอบสนองและแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงทีโดยมีข้อมูลแวดล้อมประกอบ – ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายใด ผู้ที่อยู่ภายในอาคารนั้นย่อมต้องการรับทราบถึงข้อมูลด้านความปลอดภัยในแบบทันท่วงที (Real-Time Safety Information) ส่งตรงมายังอุปกรณ์พกพา ในขณะที่ผู้ที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์นี้ก็จะต้องทำการสื่อสารอย่างต่อเนื่องถึงภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ Aruba ESP ที่มาพร้อมกับโซลูชันจากพันธมิตรด้านเทคโนโลยีอย่างเช่น Critical Arc และ Patrocinium สามารถทำการสื่อสารไปยังผู้ที่อยู่ภายในอาคาร, แขกผู้มาเยี่ยมชม และพนักงานภายในอาคารได้ โดยมีการใช้เทคโนโลยีกราฟฟิก 4 มิติที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อให้ผู้ที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้สามารถมองเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าผู้คนในพื้นที่ใดของอาคารกำลังประสบเหตุดังกล่าวอยู่บ้าง
• ต่อยอดจาก 5G อย่างไร้รอยต่อด้วย Wi-Fi – Aruba ESP เปิดให้ผู้ให้บริการโครงข่ายสัญญาณโทรศัพท์สามารถต่อยอดระบบ 5G ให้ครอบคลุมภายในอาคารได้อย่างไร้รอยต่อและให้บริการ Wi-Fi Calling ได้ด้วยประสิทธิภาพในระดับกิกะบิตด้วยการใช้เทคโนโลยี Aruba Air Slice แนวทางนี้จะช่วยส่งมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อให้กับผู้ใช้งานและสามารถเชื่อมต่อได้อย่างต่อเนื่อง
โครงข่าย Hyper-aware Facility สำหรับอุตสาหกรรมที่รับรู้ถึงสถานการณ์ทำงานในเชิงลึก
• การเปลี่ยนจากการซ่อมบำรุงแก้ไขไปสู่การบำรุงรักษาล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุ – การซ่อมบำรุงรักษาล่วงหน้าในประเด็นปัญหาที่ตรวจพบสามารถช่วยลดเวลาที่ต้องหยุดทำงาน และเพิ่มอัตราการใช้งานและประสิทธิภาพของทรัพย์สินที่มีอยู่ได้ โดยแนวทางนี้สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาลงได้สูงสุดถึง 40% ด้วยการผสานการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ของพันธมิตรทางเทคโนโลยีอย่างเช่น Ability Smart Sensor จาก ABB ก็ทำให้ Aruba ESP รองรับการทำให้เซ็นเซอร์สำหรับเครื่องจักรสามารถตรวจสอบอุปกรณ์อย่างเช่นมอเตอร์, วาล์ว และปั๊มเพื่อตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติ ระบุปัจจัยที่อาจทำให้เกิดปัญหาได้ก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้นจริง, ปรับปรุงประสิทธิภาพ, ความมั่นคงทนทาน และเพิ่มความคุ้มค่าให้สูงยิ่งขึ้นได้
• ลดเวลาที่ใช้ในการซ่อมแซมด้วย Location Services – การเดินทางในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นั้นอาจเป็นความท้าทายซึ่งทำให้เกิดความไม่มีประสิทธิภาพและอาจส่งผลต่อประเด็นด้านความปลอดภัยได้ นวัตกรรมจาก Aruba Meridian และ Aruba ESP สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่โรงงานมีข้อมูลนำทางอย่างละเอียดในการเดินทางไปยังเป้าหมายปลายทางได้โดยไม่ต้องมีความช่วยเหลือจากพนักงานคนอื่น ๆ
• ตรวจสอบความปลอดภัยของบุคลากรและทรัพย์สิน – สำหรับสภาพแวดล้อมที่อาจเกิดเหตุระเบิดได้ ระบบรักษาความปลอดภัยในพื้นที่นั้นถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยปกป้องพนักงานและแขกผู้มาเยี่ยมชม Aruba ESP ร่วมกับพันธมิตรทางเทคโนโลยีอย่าง Mobilaris สามารถนำเสนอระบบตรวจสอบสถานการณ์แบบ 3 มิติได้ด้วยการติดตามสถานที่ของผู้คนและทรัพย์สิน และยังสามารถทำงานร่วมกับระบบระบายอากาศอัตโนมัติ, ระบบควบคุมการเข้าออกในพื้นที่ และระบบนำทางบนยานพาหนะได้
เพื่อให้การทำงานแบบอัตโนมัติที่จำเป็นต่อกรณีการใช้งานเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง Aruba AIOps จึงได้ใช้ AI และ Big Data เพื่อทำการปรับปรุง, ตรวจจับ, คัดแยก และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในระบบเครือข่ายที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงทนทาน โดยเมื่อแหล่งกำเนิดข้อมูลจากระบบ IoT, IT และ OT มีจำนวนมากขึ้น การจำแนกแหล่งต้นตอของปัญหาหรือการเพิ่มประสิทธิภาพระบบโครงสร้างพื้นฐานนั้นก็กลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นเป็นอย่างมาก Cloud AI ของอรูบ้าได้ทำการรวมข้อมูลชี้วัดการทำงานจากลูกค้ามากกว่า 65,000 รายและอุปกรณ์เครือข่ายมากกว่า 1 ล้านชุด พร้อมประสบการณ์ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ยาวนานกว่า 18 ปีเพื่อสร้างระบบ Supervised Learning ขึ้นมา Aruba ESP ได้สร้างองค์ความรู้ขึ้นมาจากระบบ AI โดยมีความแม่นยำสูงกว่า 95% เพื่อช่วยปรับปรุงการสื่อสารและการตรวจสอบระบบ IoT, IT และ OT ให้ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งภายในระบบโครงสร้าง Unified Infrastructure และ Zero Trust Security Framework ของ Aruba ESP นี้ก็มีระบบ Aruba AIOps ที่สามารถทำงานได้เหนือกว่าระบบตรวจสอบเครือข่ายหรือระบบที่ใช้ Machine Learning อย่างง่าย เรียกได้ว่า Aruba AIOps นี้คือจุดเปลี่ยนที่จะมาช่วยให้การทำงานของระบบเครือข่ายต่อเนื่องยาวนานยิ่งขึ้น และลดเวลาที่ต้องใช้ในการซ่อมบำรุงลง
นอกเหนือจากระบบโครงสร้าง Unified Infrastructure และ AIOps แล้ว Aruba ESP ก็ยังสามารถสร้างข้อมูลแวดล้อมที่จะทำให้ระบบเครือข่ายสามารถเข้าใจถึงสถานการณ์ทางด้านความมั่นคงปลอดภัยสำหรับธุรกิจองค์กรได้ โดย Zero Trust Security Framework จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีผู้ใช้งานหรืออุปกรณ์ IoT ใดที่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงหรือเชื่อมต่อเครือข่ายได้จนกว่าจะมีความน่าไว้วางใจเพียงพอ แนวทางนี้มีการใช้งาน AI และแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านความมั่นคงปลอดภัยและนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยกับผู้ผลิตเทคโนโลยีด้านความมั่นคงปลอดภัยมากกว่า 130 ราย เพื่อทำความเข้าใจในเชิงลึกถึงแต่ละอุปกรณ์และบทบาทของอุปกรณ์นั้น ๆ เพื่อให้โครงข่าย Hyper-aware Facilityสามารถผนวกรวมกิจกรรมด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการทำความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้
“เครื่องจักร, แอปพลิเคชัน และช่องทางการเชื่อมต่อนั้นมักถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับแต่ละแอปพลิเคชันทางด้าน IoT, IT และ OT ทำให้เกิดความซับซ้อนในการบริหารจัดการระบบเครือข่าย” คุณ Will Townsend ผู้ดำรงตำแหน่งSenior Analyst แห่ง Moor Insights & Strategy กล่าวว่า “ผมได้ทำการวิเคราะห์ถึงการใช้ Aruba ESP และเชื่อว่าแพลตฟอร์มเชิงสถาปัตยกรรมที่มีการใช้งาน Unified Infrastructure, Zero Trust Security และ AIOps นี้จะช่วยลดความซับซ้อนลงได้ และช่วยเร่งให้เกิดกรณีการใช้งานของโรงงานอัจฉริยะและการรับรู้ถึงสถานการณ์ทำงานในเชิงลึก(Hyper-aware) เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ทั้งแบบโครงสร้างภายในองค์กรเองและบน Cloud”
อนึ่ง อรูบ้า (Aruba) บริษัทในเครือฮิวเลตต์แพคการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์คือผู้นำระดับโลกทางด้านโซลูชันระบบเครือข่ายอัจฉริยะสำหรับ Edge-to-Cloud ที่มั่นคงปลอดภัยซึ่งใช้ AI ในการเปลี่ยนระบบเครือข่ายให้เป็นอัตโนมัติ และยังใช้ข้อมูลในการขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจได้อย่างทรงพลัง ด้วย Aruba ESP (Edge Services Platform) และทางเลือกในการใช้งานแบบ as-a-service ก็ทำให้อรูบ้าได้ใช้แนวทางแบบ Cloud-Native ในการช่วยให้ลูกค้าสามารถตอบ์โจทย์ด้านการเชื่อมต่อ, ความมั่นคงปลอดภัย และความต้องการทางด้านการเงินได้ทั้งสำหรับการใช้งานในทั่วทั้งองค์กรธุรกิจ, สาขาของธุรกิจ, ศูนย์ข้อมูล และการทำงานจากระยะไกล โดยครอบคลุมทั้งการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบมีสาย, เครือข่ายแบบไร้สาย และเครือข่าย WAN