ไออาร์ซี โชว์ผลประกอบการปี 61 ยอดขายแตะ 5,559 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 6.26 มาจากความเชื่อมั่นและความพึงพอใจลูกค้าที่ผลิตภัณฑ์มีมาตรฐานสากล และมุ่นเน้นการลงทุนด้านนวัตกรรม พร้อมเพิ่มสายงานธุรกิจใหม่ตอบสนองลูกค้า และหน่วยงานสร้างสรรค์นวัตกรรม ขานรับนโยบายรัฐบาลที่หนุนการใช้ยางธรรมชาติ
นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือไออาร์ซี ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตชิ้นส่วนยางอีลาสโตเมอร์นวัตกรรมสูง เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2561 ไออาร์ซีสามารถทำรายได้จากยอดขายรวมทั้งสิ้น 5,559 ล้านบาท คิดเป็นกำไร 358 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 6.26 จากปีก่อน แบ่งเป็นชิ้นส่วนยางอุตสาหกรรมร้อยละ 54.63 และผลิตภัณฑ์ยางนอก-ยางในรถจักรยานยนต์ร้อยละ 45.37
ทั้งนี้ เป็นผลจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นให้ได้มาตรฐานสากล การสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าตั้งแต่เปิดดำเนินกิจการในปี 2512 ตลอดจนการสนับสนุนจากบริษัทย่อย ซึ่งเป็นจุดแข็งของไออาร์ซี ได้แก่ “ไออาร์ซี (เอเชีย) รีเสิร์ช” หรือ IAR ที่วิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ มาตลอด 23 ปี และมีการทุ่มงบลงทุนด้านเครื่องจักร อุปกรณ์ และบุคลากรกว่า 800 ล้านบาท และ “คินโนะ โฮชิ เอ็นจิเนียริ่ง” หรือ KIN ที่สนับสนุนด้านการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์ยางคุณภาพสูง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ไออาร์ซีมีผลประกอบการที่โดดเด่น และตอกย้ำความเป็นมืออาชีพด้านนวัตกรรมยางได้เป็นอย่างดี
นางพิมพ์ใจ เพิ่มเติมว่า ในปี 2562 ไออาร์ซียังได้กำหนดสายงานธุรกิจใหม่ เพื่อรับมือกับปัจจัยภายนอกต่างๆ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกภาคส่วน โดยแบ่งเป็น 3 สายงาน ได้แก่ 1) สายธุรกิจยางอีลาสโตเมอร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ 2) สายธุรกิจยางใน-ยางนอกรถจักรยานยนต์ และ 3) สายธุรกิจผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากยางธรรมชาติและยางอีลาสโตเมอร์
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็เตรียมเพิ่มหน่วยงานสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อขานรับนโยบายของรัฐที่สนับสนุนการใช้ยางธรรมชาติ และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากยางอีลาสโตเมอร์เพื่อทดแทนการนำเข้าและเสนอทางเลือกใหม่รองรับความต้องการที่หลากหลายของภาคธุรกิจ ภาครัฐ และผู้บริโภค
ล่าสุด คือ การคิดค้นนวัตกรรมยางปูพื้น “Vi-pafe” ซึ่งผ่านการวิจัยและกระบวนการผลิตเป็นเม็ดยางที่ได้มาตรฐาน มอก. มีคุณสมบัติในการลดแรงกระแทกและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงการเพิ่มศักยภาพบุคลากร และจะลงทุนด้านการพัฒนาออโตเมชั่นเพิ่มศักยภาพโรงงานผลิตมากกว่า 1,000 ล้านบาท ใน 4 ปีข้างหน้า
