กรุงเทพฯ – ดุสิตธานี ผู้นำในการพัฒนาธุรกิจโรงแรมและการบริการที่มีประสบการณ์มายาวนานมาถึง 70 ปี ผนึกกำลัง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้นำในการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ที่มีมากว่า 40 ปี ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ในการพลิกโฉมใจกลางกรุงเทพฯ สร้าง ‘ซูเปอร์คอร์ซีบีดี’ เชื่อมย่านสำคัญของกรุงเทพฯ และเป็นแลนด์มาร์กแห่งการใช้ชีวิตระดับโลกที่สมบูรณ์แบบที่สุด ด้วยการเปิดตัวโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” (Dusit Central Park) ด้วยแนวคิด “Here For Bangkok” เพื่อสร้างสรรค์บริบทใหม่แห่งการใช้ชีวิตให้กับคนกรุงเทพฯ และช่วยสร้างกรุงเทพฯ สู่มหานครที่ดีสุดอีกแห่งหนึ่งของโลก คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการภายในปี พ.ศ. 2567
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC กล่าวว่า “ด้วยความตั้งใจของกลุ่มดุสิตฯ และซีพีเอ็น ที่จะพัฒนาพื้นที่บริเวณมุมถนนสีลม – พระราม 4 ให้กลายเป็นทำเลศักยภาพใจกลางกรุงเทพมหานคร ผ่านการสร้างโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค”โครงการแบบผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์และดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยการเชิดชูความเป็นไทยบนมาตรฐานสากล เหมือนกับที่ดุสิตธานีเคยสร้างการจดจำระดับโลกในฐานะสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ มากว่า 50 ปีที่ผ่านมา โดยเราได้ออกแบบโครงการที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทยผสานกลิ่นอายของความทันสมัย นับเป็นการหลอมรวมระหว่างงานอนุรักษ์และนวัตกรรมที่ทันสมัยไว้ด้วยกัน ประกอบด้วยสามอาคารที่ถูกเชื่อมโยงกันด้วยหนึ่งฐานรากอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และที่ทำให้โครงการมีความโดดเด่นต่างจากโครงการอื่น คือ เราเป็นโครงการมิกซ์ยูสแห่งเดียวในประเทศไทย ที่สามารถเชื่อมต่อกับการจราจรทุกระนาบ ทั้งระบบขนส่งมวลชนทั้งรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ตลอดจนการจราจรบนท้องถนน และทุกอาคารสามารถมองเห็นวิวสวนลุมพินีได้อย่างชัดเจนไร้การบดบัง ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่มองหาความสะดวกสบายและการใช้ชีวิตอย่างมีระดับ”
“ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมผสานหรือมิกซ์ยูส มูลค่า 36,700 ล้านบาท โดยโครงการประกอบด้วย โรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน พื้นที่รวม 440,000 ตร.ม. บนที่ดินกว่า 23 ไร่ ตรงมุมถนนสีลม – พระราม 4 ภายใต้แนวคิด “Here for Bangkok” เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนกรุงเทพฯ อย่างครบวงจร สะท้อนวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาโครงการที่ดีที่สุดเพื่อคนกรุงเทพฯ ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1) Here for Heritage & Innovation นำการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมผสานนวัตกรรมมาใช้ในโครงการ 2) Here for Unrivalled Connectivity เป็นโครงการมิกซ์ยูสเดียวในกรุงเทพฯ ที่เชื่อมโยงทุกย่านสำคัญและระบบคมนาคมทุกระนาบของกรุงเทพฯ 3) Here for a Lush Quality of Life เพื่อชีวิตคุณภาพใกล้ชิดธรรมชาติ อยู่ใกล้กับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดหรือปอดของกรุงเทพฯ ทั้งยังเต็มไปด้วยสีสันและไลฟ์สไตล์ทั้งกลางวันและกลางคืน และ 4) Here for Meaningful Experiences ที่เชื่อมโยงรูปแบบการใช้ชีวิตที่ทันสมัยควบคู่กับการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ มุ่งสร้างปฏิสัมพันธ์กับชุมชนและพื้นที่สีเขียว ด้วยโครงการอันเป็นเอกลักษณ์ที่ผสานระหว่างอดีตอันทรงคุณค่ากับนวัตกรรมที่ทันสมัย และเพื่อให้โครงการนี้เป็น masterpiece ระดับเวิลด์คลาสที่คงความเป็นไทย โครงการนี้ได้รับการออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกอันดับหนึ่งของไทยที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลกและหลงใหลในการผสมผสานเอกลักษณ์ของไทย พร้อมกับมีที่ปรึกษาด้านสถาปนิกชื่อดังระดับโลกมาร่วมสร้างสรรค์
ด้าน นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภายใต้วิสัยทัศน์ Here for Bangkok สิ่งที่ซีพีเอ็นและดุสิตกำลังร่วมกันทำจะเป็นมากกว่าการสร้างมิกซ์ยูสทั่วไป แต่เป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่จะบุกเบิกและพลิกโฉมกรุงเทพฯ และสร้างซูเปอร์คอร์ซีบีดี (Super Core CBD) ซึ่งจะเป็นหมุดหมายหรือจิ๊กซอว์สำคัญที่เชื่อมโยง 4 ย่านสำคัญจากทั้ง 4 ทิศของกรุงเทพฯ มุ่งตรงสู่ใจกลางเดียวได้แก่ ย่านราชประสงค์ทางทิศเหนือ เจริญกรุงทางทิศใต้ สุขุมวิททางทิศตะวันออก และเยาวราชทางทิศตะวันตก ทำให้เกิดเป็น ‘The New Junction’ ที่เชื่อมโยงทุกย่านสำคัญของกรุงเทพฯ และสิ่งสำคัญกว่านั้นคือเชื่อมให้ทุกย่านรอบๆ นี้ให้เติบโตไปพร้อมกัน ซึ่งเราจะเป็นจุดกลางเชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ทั้งย่านเก่าและย่านใหม่ รวมถึงย่าน Financial เข้ากับย่าน Commercial ซึ่งจะช่วยยกระดับผังเมืองกรุงเทพฯ ให้เชื่อมต่ออย่างลงตัวที่สุด ตอบโจทย์ทั้งทางธุรกิจและไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะสร้างบริบทใหม่แห่งการใช้ชีวิตให้กับคนกรุงเทพฯ พร้อมทั้งยกระดับพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของโลก ด้วยคุณภาพที่เหนือระดับของการมี ที่พักอาศัย ทำงาน และช้อปปิ้ง ในโครงการที่อยู่ติดกับสวนที่ถือเป็นปอดขนาดใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับย่านดังต่างๆ ในมหานครระดับโลกอย่าง London หรือ New York City”
นางศุภจี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในส่วนของ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ที่จะสร้างขึ้นมาใหม่ เป็นโรงแรมขนาด 250 ห้องที่มีความสูง 39 ซึ่งเราให้ความสำคัญกับการเก็บเรื่องราว องค์ประกอบสำคัญของโรงแรมดุสิตธานีเดิมเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ หรือการนำชิ้นส่วนเอกลักษณ์ต่างๆ มาใช้ในโครงการ โดยเฉพาะความภาคภูมิใจในการนำเสนอการบริการที่น่าประทับใจแบบไทยที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ ซึ่งมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2565 และจะเปิดให้บริการก่อนส่วนอื่น ในส่วนของ อาคารที่พักอาศัย เราได้เตรียมมอบประสบการณ์แห่งการใช้ชีวิตของคนเมืองครั้งใหม่ ผ่านการนำเสนอความเหนือระดับด้วยวิวแบบพาโนรามาของสวนลุมพินี และวิวเส้นขอบฟ้าอันสวยงามของมหานครกรุงเทพฯ ความสูง 69 ชั้น จำนวน 389 ยูนิต บนพื้นที่ 80,000 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็น ดุสิต เรสซิเดนเซส (Dusit Residences) จำนวน 159 ยูนิต เจาะกลุ่มผู้ที่ ชื่นชอบที่อยู่อาศัยสไตล์คลาสสิก หรูหราเหนือกาลเวลา และมอบความเป็นส่วนตัวสูง เหมาะกับผู้ที่รักความเป็นส่วนตัว หรือแม้แต่ครอบครัวขนาดกลางและใหญ่ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอดจนนักธุรกิจที่เดินทางมาทำงานและอยู่ประจำในประเทศไทย และดุสิต พาร์คไซด์ (Dusit Parkside) ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์คนเมือง ด้วยดีไซน์ที่ร่วมสมัย มีระดับ จำนวน 230 ยูนิต เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนทำงานในเมือง และครอบครัวขนาดเล็ก โดยเป็นอาคารที่พักแบบเช่าสิทธิ์ระยะยาวหรือลีสโฮลด์ คาดว่าจะเริ่มเปิดให้จองเร็วๆ นี้”
นางสาววัลยา เพิ่มเติมว่า “เราจะสร้างศูนย์กลางการใช้ชีวิตแห่งใหม่สำหรับคนกรุงเทพฯ ในอนาคตภายใต้แบรนด์ ‘เซ็นทรัล พาร์ค’ (Central Park) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด ‘Here for Bangkok’ ประกอบไปด้วย เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส (Central Park Offices) อาคารออฟฟิศที่พัฒนาขึ้นเป็นพื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์ เป็น Professional Hub ที่คำนึงถึงความสมดุลในการใช้ชีวิตและการทำงาน พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่เอื้อต่อไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่ที่ทุกอย่างต้องการความรวดเร็วและเชื่อมโยงเข้าถึงกัน บนพื้นที่ 90,000 ตร.ม. ที่รองรับการเป็นที่ตั้งของบริษัทตั้งแต่ Innovative Start-Ups ไปจนถึงสำนักงานบริษัทระดับโลก และส่วนสุดท้ายกับ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค (Central Park) ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญที่สุดในการเชื่อมโยงทุกองค์ประกอบของโครงการเข้าด้วยกัน นำเสนอประสบการณ์รีเทลแห่งอนาคต ที่จะสร้าง New Urbanised Lifestyle ระดับเวิลด์คลาส อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผสมผสานไลฟ์สไตล์อินดอร์และเอ้าท์ดอร์เข้าด้วยกัน โดยรวบรวมแบรนด์ดังระดับไอคอนของโลกและประเทศไทยครอบคลุมทุกกลุ่มไลฟ์สไตล์ บนพื้นที่กว่า 80,000 ตร.ม. พร้อมทั้งเพิ่มการเชื่อมโยงการใช้ชีวิตในทุกมิติของคนเมืองจากภายในสู่ภายนอกด้วย Rooftop Park พื้นที่สีเขียวร่มรื่นที่สุดใจกลางกรุง โดยทั้งสององค์ประกอบมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2566”