กรอ. ชี้ พ.ร.บ.โรงงานฉบับใหม่ประกาศราชกิจจานุเบกษาแล้วปลายเดือนต.ค.มีผลบังคับใช้ทันที ย้ำเอสเอ็มอีไม่ต้องขอใบอนุญาตร.ง.4 และรายใหญ่ไม่ต้องต่อใบอนุญาตร.ง.4ด้านวิศวกรแสนรายเฮ เตรียมสมัครเป็นผู้ตรวจสอบโรงงาน-เครื่องจักร
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้พ.ร.บ.โรงงานฉบับใหม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 และจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือในวันที่ 27 ตุลาคม 2562 ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมภาพรวมของประเทศ ทั้งการลงทุนและการจ้างงาน เนื่องจากจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันมีปริมาณกว่า 140,000 แห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีประมาณ 70,000 รายที่ไม่ต้องขอใบอนุญาตใบประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) ขณะที่ผู้ประกอบการทั่วไปก็ไม่ต้องต่ออายุใบ ร.ง.4 อีกต่อไปจากเดิมที่ผู้ประกอบการต้องต่ออายุใบ ร.ง.4 ทุกๆ 5 ปี
“ตอนนี้ พ.ร.บ.โรงงานฉบับใหม่ทั้ง 2 ฉบับคือฉบับที่ 2 และฉบับที่ 3 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยในส่วนของฉบับที่ 3 เกี่ยวกับอำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ได้มีผลบังคับใช้ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2562ส่วนฉบับที่ 2 ก็จะนับอีก 180 วันหรือจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 ตุลาคม 2562 อย่างไรก็ตาม กรอ.มั่นใจว่าพ.ร.บ.โรงงานฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในเร็วๆ นี้ จะไม่มีข้อเสียใดๆ เนื่องจากการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ทำให้การประกอบกิจการได้รับความสะดวกและมีความคล่องตัวขึ้น และที่สำคัญการปรับปรุงแก้ไขนี้ไม่ทำให้การกำกับดูแลผ่อนคลายลงแต่อย่างใด เพราะประชาชนก็ยังได้รับความคุ้มครองจากการกำกับดูแลที่จะทำให้โรงงานไม่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือความไม่ปลอดภัยใดๆ เช่นเดิม ” นายทองชัย กล่าว
นายทองชัย กล่าวต่อว่า สำหรับสาระสำคัญอื่นๆของพ.ร.บ.โรงงานฉบับใหม่ เช่น แก้ไขขอบเขตการเป็นโรงงานจากเดิมต้องมีเครื่องจักร 5 แรงม้า หรือคนงาน 7 คน มาเป็น 50 แรงม้า หรือคนงาน 50 คน พร้อมทั้งมีการกำหนดให้มีผู้ตรวจสอบเอกชนที่มาตรวจสอบโรงงานหรือเครื่องจักรแทนพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ โดยผู้ตรวจสอบเอกชนนั้นจะต้องได้รับใบอนุญาตตรวจสอบรับรองจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อน และที่สำคัญการกำกับดูแลผู้ตรวจสอบเอกชนก็มีความเข้มงวด หากผู้ตรวจสอบเอกชนจัดทำรายงานเท็จก็จะมีโทษจำคุกหรือปรับหรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการโรงงาน จะต้องมีการรับรองตนเอง หรือ Self-declared ว่าได้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องตามระยะเวลาที่กำหนด ส่วนการปรับปรุงหลักเกณฑ์การขยายโรงงานให้เหมาะสมกับสภาพข้อเท็จจริงที่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดความสะดวกและความคล่องตัวในการขยายโรงงาน โดยเฉพาะโรงงานขนาดใหญ่ จะทำให้เกิดความต่อเนื่องในภาคการผลิต อันจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงมีการกำหนดหลักเกณฑ์การโอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานให้เหมาะสมยิ่งขึ้น และยังมีการปรับปรุงบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เป็นต้น
ด้าน นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวถึง พ.ร.บ.โรงงานฉบับใหม่ที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ปลายเดือน ต.ค.นี้ ถือเป็นโอกาสของผู้ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมสาขาโยธา, เครื่องกล, ไฟฟ้า, อุตสาหการ, สิ่งแวดล้อม และเคมี ประมาณแสนคน เนื่องจากตาม พ.ร.บ.โรงงานฉบับใหม่เปิดโอกาสให้มีผู้ตรวจสอบเอกชนมาตรวจสอบโรงงานหรือเครื่องจักรแทนพนักงานเจ้าหน้าที่ได้
เบื้องต้นทางสภาวิศวกร มีข้อเสนอไปยังกระทรวงอุตสาหกรรมขอให้ผ่อนปรนให้วิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกระไม่ต้องไปสอบใบอนุญาตรับรองกับกระทรวงอุตสาหกรรมอีกรอบ เพราะ พ.ร.บ.โรงงานฉบับะใหม่จะมีผลบังคับใช้ปลายเดือนต.ค.นี้แล้ว หากต้องมีการสอบก็อาจไม่สามารถเตรียมผู้ตรวจสอบโรงงานหรือเครื่องจักรได้ทัน และที่สำคัญผู้ที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกรก็มีมาตรฐานในระดับสูงอยู่แล้ว โดยพ.ร.บ.โรงงานฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้นั้น มีผลต่อวิชาชีพวิศวกรรรม และสภาวิศวกรจะมีบทบาทอย่างมากที่ต้องเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในฐานะผู้ดูแลและให้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ผู้ตรวจสอบเอกชนดังกล่าวต้องได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมที่ยังไม่หมดอายุ และต้องไม่ถูกพักใช้ใบอนุญาตจากสภาวิศวกร โดยผู้ตรวจสอบเอกชนเหล่านี้ ต้องยื่นขอรับใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรมก่อน ดังนั้น สภาวิศวกรจึงมีข้อเสนอขอผ่อนปรนเรื่องใบอนุญาตดังกล่าว เพื่อความรวดเร็ว และให้ทันต่อการบังคับใช้กฎหมายที่กำลังจะประกาศใช้ในปลายปีนี้