กรุงเทพ ฯ – วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563 : แลนเซสส์ (LANXESS) ผู้นำของโลกด้านตลาดเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ มุ่งมั่นก้าวสู่อนาคตด้วยการผลักดันให้โรงงานต่าง ๆ ในเครือ ได้นำระบบดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการผลิตมากขึ้น แลนเซสส์ได้นำระบบการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงอนุกรมเวลาแบบบริการได้ด้วยตนเอง (self-service analytics system for time-series data) มาใช้ในหลาย ๆ โรงงานในเครือทั้งหมดทั่วโลก เกือบสองในสามของโรงงานทั้งหมดในจำนวน 120 แห่งได้ติดตั้งแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูลแบบบริการได้ด้วยตนเองภายใต้ชื่อ TrendMiner ของบริษัท Software AG ครอบคลุมโรงงานการผลิตที่สำคัญทั้งหมดในประเทศเยอรมนี เบลเยียม สหรัฐอเมริกาและอินเดีย มีเพียงโรงงานขนาดเล็กที่มีกระบวนการผลิตที่ไม่ซับซ้อนเท่านั้นที่ไม่ได้นำซอฟต์แวร์วิเคราะห์ดังกล่าวนี้เข้ามาใช้
การใช้ซอฟต์แวร์ TrendMiner ช่วยให้พนักงานฝ่ายผลิตสามารถวิเคราะห์กระบวนการผลิตและข้อมูลจากการวัดทั้งหลายได้ด้วยตนเอง สามารถตรวจสอบรูปแบบและแนวโน้มของข้อมูลเหล่านั้นและตรวจจับความผิดปกติในกระบวนการผลิต โดยนำมาใช้ในงานส่วนหลัก ๆ ได้แก่ การเพิ่มกำลังการผลิต การบำรุงรักษาแบบคาดการณ์ล่วงหน้า (predictive maintenance) การปรับปรุงคุณภาพในการผลิตหรือการใช้วัตถุดิบและพลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประสิทธิภาพสูงขึ้น ภายใต้ค่าใช้จ่ายที่ลดลง
Jörg Hellwig ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล (Chief Digital Officer) ของแลนเซสส์ กล่าวเน้นถึงความได้เปรียบในเชิงธุรกิจที่แลนเซสส์ได้รับว่า “การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงดิจิทัลในกระบวนการผลิตเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของเราอย่างชัดเจน การทดสอบกับ TrendMiner ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่นำมาติดตั้งใช้งานเริ่มแรก ขณะนี้แลนเซสส์ได้ใช้ประโยชน์จากศักยภาพของกระบวนการผลิตที่มี TrendMiner ซึ่งช่วยให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นทั่วทั้งกลุ่มบริษัท”
ในโครงการเริ่มแรก (initial projects) แลนเซสส์สามารถเพิ่มการใช้กำลังการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญในโรงงานที่ถูกเลือกมาทดลอง ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ทั้งนี้พบว่าการใช้ TrendMiner ในกระบวนการผลิต ส่งผลให้โรงงานบางแห่งสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึงหลักแสนยูโร
การพลิกโฉมธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (digital transformation) ของแลนเซสส์ยังช่วยพัฒนาพนักงานอีกด้วย ในเรื่องนี้ Hellwig กล่าวว่า “ความสามารถในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัลถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเคมีและวิศวกรเคมีในอนาคต การฝึกอบรมให้พนักงานทำงานและเข้าใจระบบ TrendMinerอย่างลึกซึ้ง ทำให้พนักงานของเรามีความชำนาญขึ้นและมีทักษะความสามารถที่เหมาะสมกับงานในอนาคตอีกด้วย”
ผนึกกำลังอย่างแนบแน่นด้วยความไว้วางใจกัน
Sanjay Brahmawar ซีอีโอของ Software AG เน้นย้ำถึงความร่วมมืออย่างแนบแน่นว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นกับผลลัพธ์ของการนำ TrendMiner ไปใช้งานแล้วประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มแรก เรานำเสนอความสามารถแบบครบวงจร (end to end) ให้แก่แลนเซสส์เพื่อผลักดันกระบวนการทำงานของแลนเซสส์ให้เป็นระบบดิจิทัลที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ การเปิดกว้างและความไว้วางใจของพวกเขาเป็นพื้นฐานที่สมบูรณ์แบบในการร่วมมือทำงานอย่างเข้มข้นกับเรา แลนเซสส์ยังคงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ด้วยผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมต่าง ๆ และเราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการพลิกโฉมธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลของพวกเขา”
ในปี พ.ศ.2560 แลนเซสส์ (LANXESS) ได้เปิดตัวระบบดิจิทัล ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้จัดตั้งหน่วยธุรกิจเฉพาะที่มีบทบาทสำคัญคือการริเริ่มพัฒนารูปแบบธุรกิจเชิงดิจิทัล การนำเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ ๆ มาใช้ตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) การพัฒนาและการวิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการพัฒนาทักษะเชิงดิจิทัลให้พนักงานกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้ดิจิทัลมากขึ้น
อนึ่ง แลนเซสส์ (LANXESS) เป็นบริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (specialty chemicals) มียอดรายได้รวมกว่า 7.2 พันล้านยูโรในปี พ.ศ. 2561 และมีพนักงาน 15,500 คนอยู่ใน 33 ประเทศทั่วโลก มีโรงงานทั่วโลกถึง 57 แห่ง โดยธุรกิจหลักของแลนเซสส์ คือการพัฒนา การผลิต และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคมีที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิต (chemical intermediates) เคมีภัณฑ์เติมแต่ง (additives chemicals) ผลิตภัณฑ์สารเคมีชนิดพิเศษ (specialty chemicals) และพลาสติก แลนเซสส์เป็นบริษัทที่อยู่ในดัชนีหลักทรัพย์ที่ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก ได้แก่ดัชนี Dow Jones Sustainability Index (DJSI World) และ FTSE4Good สนใจค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.lanxess.com
ส่วน Software AG เป็นบริษัทแม่ของ TrendMiner ให้บริการ Freedom as a Service โดยบูรณาการภาพธุรกิจยุคใหม่ จุดประกายการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ ทำให้สามารถนำนวัตกรรมบน Internet of Things (IoT) มาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้องค์กรสามารถบุกเบิกรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างเป็นรายแรก ให้อิสระในการเชื่อมต่อและผสานรวมเทคโนโลยีทั้งหลาย –ตั้งแต่แอป (app)ไปจนถึงเทคโนโลยีการประมวลผลที่edge ช่วยให้ข้อมูลของคุณเป็นอิสระจากระบบไซโลเพื่อให้สามารถแบ่งปัน นำมาใช้งานและสร้างพลังอำนาจ ช่วยให้สามารถทำการตัดสินใจทางธุรกิจได้ดีที่สุดและปลดล็อคความเป็นไปได้ใหม่ ๆ สำหรับการเติบโต เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Software AG และ Freedom as a Service ได้ที่ www.softwareag.com