บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัท สำหรับไตรมาสที่ 3 ของปีการเงิน 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 บริษัทได้รายงานผลขาดทุนก่อนภาษีเงินได้ 96 ล้านบาทในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2566 เทียบกับผลขาดทุนก่อนภาษีเงินได้ 59 ล้านบาทในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2566 และขาดทุนก่อนภาษีเงินได้ 80 ล้านบาทในเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2565 สำหรับช่วงระยะเวลา 9 เดือน (เมษายน–ธันวาคม 2566) บริษัทรายงานผลขาดทุนก่อนภาษีเงินได้ 107 ล้านบาท เทียบกับกำไร 572 ล้านบาทในช่วงเดือนเมษายน – ธันวาคม 2565
มร. ตารุน คูมาร์ ดากา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH เปิดเผยว่า “ปริมาณการขายในไตรมาสนี้อยู่ที่ 253,000 ตัน ลดลงจากไตรมาสก่อน ร้อยละ 12 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มสินค้าเหล็กลวดและยอดขายส่งออกลดลง สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ปริมาณการขายของบริษัทอยู่ที่ 800,000 ตัน ลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการในประเทศได้รับผลกระทบจากการนำเข้าเหล็กลวดราคาถูกเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงยอดขายส่งออกที่ลดลงด้วย”
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ
ไตรมาส 3 ปีการเงิน2566 |
งวด 9 เดือน ปีการเงิน2566 |
ไตรมาส 2 ปีการเงิน2567 |
ไตรมาส 3 ปีการเงิน2567 |
งวด 9 เดือน ปีการเงิน2567 |
||
289 |
900 |
ปริมาณการขายรวม |
000 ตัน |
280 |
253 |
800 |
6,909 |
23,260 |
ยอดขายสุทธิ |
ล้านบาท |
6,080 |
5,493 |
17,775 |
(9) |
796 |
EBITDA |
ล้านบาท |
24 |
(21) |
127 |
(80) |
572 |
กำไร(ขาดทุน)ก่อนภาษี |
ล้านบาท |
(59) |
(96) |
(107) |
(86) |
577 |
กำไร(ขาดทุน)หลังภาษี |
ล้านบาท |
(58) |
(96) |
(104) |
รายได้จากการขายในไตรมาสนี้อยู่ที่ 5,493 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาสที่แล้วและไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของตลาดและปริมาณการขายที่ลดลง สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน รายได้จากการขายของบริษัทอยู่ที่ 17,775 ล้านบาท ลดลงประมาณร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
บริษัทได้สังเกตเห็นการพัฒนาเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มคลี่คลาย แนวโน้มการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน รัฐบาลมีความตระหนักถึงราคาพลังงาน ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่กำลังดีขึ้น รวมถึงการริเริ่มนโยบายของการเดินทางการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องขอวีซ่า คาดหวังว่ารัฐบาลจะเร่งรัดขั้นตอนการอนุมัติงบประมาณและการเบิกจ่าย แต่รัฐบาลยังคงเผชิญปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ โดยภาพรวม บริษัทคาดหวังว่าในปี 2567 ความเชื่อมั่นน่าจะดีขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2566 และในขณะเดียวกันและในขณะเดียวกันต้องจับตามองผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการปรับตัวของการบริโภคภายในประเทศจีน