อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผนึกความร่วมมือกับ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ และภาคีเครือภาคอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ นำโดย คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), สถาบันยานยนต์ , สมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย , ศูนย์วิจัย MOVE, ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ และภาคเอกชน จากระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ สานต่อความร่วมมือเดินหน้าจัดงาน “Electric Vehicle Asia และ iEVTech 2024” ชูแนวคิด “EV Ecosystem Transformation Towards Net Zero” วางเป้าปักไทยศูนย์กลางอุตสาหกรรม EV ในภูมิภาคพร้อม ขานรับเป้าหมายไทยเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเตรียมจัดใหญ่ระหว่างวันที่ 3-5 กรกฎาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ
นายวิรัตน์ ธัชศฤงคารสกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางบีโอไอ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 ในช่วงระยะเวลา 4 ปี (พ.ศ. 2567 – 2570) เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยสนับสนุนให้เกิดการลงทุนที่ครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่ง รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยการร่วมการสนับสนุนการจัดงาน “Electric Vehicle Asia และ iEVTech 2024” ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการส่งเสริมการลงทุนที่สำคัญโดยร่วมกันเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่
“เราเชื่อมั่นว่ามาตรการ EV 3.5 และหลากหลายมาตรการต่อจากนี้ แสดงออกถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย ที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นฮับยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค และดึงนักลงทุนรายใหม่ให้เข้ามาตั้งฐานผลิตในประเทศรวมถึงกระตุ้นให้ผู้ประกอบการรายเดิมเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร ทั้งระบบการชาร์จ การรีไซเคิลแบตเตอรี่ และการยกระดับSupply Chain ซึ่งจะเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับฐานการผลิตยานยนต์ของประเทศไทย” นายวิรัตน์ กล่าวเสริม
นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) กล่าวว่า วันนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยภาครัฐบาลได้เร่งขับเคลื่อนนโยบายสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ตามนโยบาย 30@30 ที่ตั้งเป้าการผลิตยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicle: ZEV) ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2030 ส่วนในปีที่ผ่านมาในประเทศไทย กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าในประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่จดทะเบียนใหม่นั้นมีอัตราการเติบโตในภาพรวมเติบโตจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ราว 690% ซึ่งปัจจัยบวกที่สำคัญมาทั้งจากการส่งเสริมของนโยบายภาครัฐ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ในวันนี้หันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ มีการสนับสนุนให้ใช้รถสาธารณะไฟฟ้ามากขึ้นอย่างรถเมล์ไฟฟ้า สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในปัจจุบัน ที่หันมาสนับสนุนพลังงานสะอาดมากขึ้น
นายกฤษฎา กล่าวต่อไปว่า อีกมิติที่สำคัญของระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้า คือสถานี Charging Station โดยข้อมูล ณสิ้นปี 2566 มีจำนวนหัวจ่ายสาธารณะกว่า 9,600 หัวจ่าย จากสถานีชาร์จทั้งหมดกว่า 2,600 แห่งทั่วประเทศ นับเป็นการเติบโตที่ดี แต่ก็ยังต้องมีการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนให้เพิ่มขึ้น เพื่อตอบรับการขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้อานิสงค์จากนโยบาย EV 3.0 และ 3.5 ของภาครัฐ ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นส่วนสนับสนุนที่สำคัญของการกำหนดยุทธศาสตร์การลงทุนเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ การพัฒนาชิ้นส่วนและห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งทางสมาคมฯ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม EV ในไทย และสำหรับในปีนี้ทางสมาคมฯ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงาน EVA 2024 และสัมมนาวิชาการ iEVTech 2024 ภายใต้หัวข้อ “Global EV Industry Transformation Towards Decarbonization”เพื่ออัปเดตเทรนด์ โอกาส ความได้เปรียบของไทย ตลอดจนเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้เข้าร่วมและสร้างการรับรู้ถึงยานยนต์พลังงานสะอาดนี้ เราเชื่อมั่นว่าเวทีนี้จะเชื่อมโอกาสและยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาคอย่างแน่นอน
ด้าน นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ – ประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงาน Electric Vehicle Asia (EVA) และ iEVTech 2024 งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย ร่วมกับทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และจัดมาอย่างต่อเนื่องกว่า 9 ปี จนเป็นงานที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั่วภูมิภาค เพื่อร่วมกันผลักดันเวทีดังกล่าวให้เป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญในการจัดแสดงเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุดและครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ ซึ่งนี้จะสร้างความได้เปรียบที่สำคัญให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในภาคการผลิตสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ของภูมิภาค
“สำหรับการจัดงาน EVA 2024 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “EV Ecosystem Transformation Towards Net Zero” หรือ การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้าสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ปีนี้เราจัดเต็มบนเต็มพื้นที่กว่า 25,000 ตร.ม. พร้อมต้อนรับผู้เข้าชมงานกว่า 33,000 คน จากกว่า 65 ประเทศทั่วโลก โดยได้ปูพรมขนทัพเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยด้านยานยนต์ไฟฟ้ามามากกว่า 250 แบรนด์ จาก 25 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมในทุกห่วงโซ่อุปทานของระบบนิเวศทางธุรกิจของยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV Eco System อาทิ มอเตอร์ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วน สถานีชาร์จรวมถึงการโชว์เทคโนโลยีทันสมัยจากผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อาทิ ABB, P80 GO, ATESS, Delta, Huawei, Bossard, Grob, Trumpf, Carl Zeiss, SIP Technology, NTTDATA, WIMA เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังมีพาวิเลียนนานาชาติกว่า 7 ประเทศ ทั้ง เยอรมนี ญี่ปุ่น เกาหลี จีน สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ และไต้หวัน พิเศษปีนี้ทางสมาคม Korea Battery Industry Association หนึ่งในประเทศชั้นนำด้านแบตเตอรี่นำบริษัทเข้าร่วมกว่า 10 บริษัท ที่สำคัญภายในงานยังมีการจัดสัมมนาในห้วข้อที่สำคัญเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าอย่างรอบด้านกว่า 50 หัวข้ออาทิ การประชุมนานาชาติด้านยานยนต์ไฟฟ้า iEVTech, EVAT Tech Forum และ ASEAN EV Round Table เป็นต้น อินฟอร์มาฯ เชื่อมั่นว่างานนี้จะเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนไทยเป็นศูนย์กลางในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในทุกห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร และเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า มุ่งสู่ Net Zero Emission อย่างยั่งยืน” นายสรรชาย กล่าวเสริม
ร่วมเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนผ่านในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยสู่ระดับโลก ที่งาน “Electric Vehicle Asia” และ “iEVTech 2024” โดยจัดขึ้นพร้อมกับงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2024 (ASEW) งานแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านพลังงานทดแทน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และระบบกักเก็บพลังงานที่ครบครันที่สุดในภูมิภาค จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 กรกฎาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์กรุงเทพฯ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานและติดตามข่าวสารที่ www.evasia-expo.com.