แฟนเพลงและศิลปินขาร็อกตบเท้าชมคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ ของร็อกสตาร์ระดับตำนานเมืองไทย ที่เป็นทั้งนักร้องเจ้าของฉายากระเดือกทองคำและนักแต่งเพลงฝีมือดีชั้นนำของไทย  โป่งปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์หรือโป่งหินเหล็กไฟคอนเสิร์ตครั้งแรกกับการกลับมารวมตัวของเพื่อนสมาชิก 6 วง ที่โป่ง ปฐมพงศ์ร่วมก่อตั้งขึ้น ได้แก่นาอ้อน(Naon), อินเฟอร์โน่(Inferno), โซดา(Soda), ดิ โอฬาร โปรเจ็คต์(The Olarn Project), หิน เหล็ก ไฟ และเดอะซัน(The Sun) เพื่อบอกเล่าเรื่องราวและมิตรภาพบนเส้นทางสายดนตรีตลอด 47 ปี จากจุดเริ่มต้น จนถึงปัจจุบันและจะยังเดินทางต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด พร้อมแขกรับเชิญพิเศษที่มีบทบาทสำคัญในแต่ละช่วงชีวิตของ โป่ง ได้แก่ พี่ซันมาโนช พุฒตาล, แม่ลินมาลินดา เฮอร์แมน เจ้าของเพจ Malinda Herman และ หญิงชรากับหมาน้อย, ขุนทอง อสุนี, และ น้องแองจี้ฐิติชา สมบัติพิบูลย์ ในคอนเสิร์ต “Pong 47 ปี Rock Never Dies” ที่จัดขึ้น บีซีซี ฮอลล์ เซ็นทรัลลาดพร้าว เมื่อวันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

โดยบรรยากาศภายในงานอบอุ่นและอบอวลไปด้วยแฟนเพลงตัวจริงที่มาพร้อมสัญลักษณ์ของชาวร็อกด้วยกางเกงยีนส์และเสื้อยืดสีดำ  พร้อมเหล่าศิลปินร็อกรุ่นเก่ารุ่นใหม่มากมาย อาทิ อี๊ด ฟลาย, กบ แท็กซี่, จั๊ก ชวิน, เอส กล้วยไทย, เจต Tragedy of Murder , ภีร์ Hard Boy ฯลฯ ที่มาเข้าร่วมชมการแสดงสดครั้งสำคัญนี้อย่างเนืองแน่น เมื่อประตูฮอลล์เปิดตามนัดหมาย ประเดิมความมันส์ด้วย 2 เพลงสากลสุดฮิต “Snow Blind” และ “Paranoid” ผลงานของวงBlack Sabbath ที่ถือเป็นต้นแบบของชาวเฮฟวี่ เมทัล แนวเพลงยุคแรกที่เป็นแรงบันดาลใจ จุดเริ่มต้นในเส้นทางดนตรียุค’70 ที่ โป่ง ก่อตั้งวงดนตรีครั้งแรกช่วงมัธยมในนาม วงนาอ้อน (Naon) ขึ้นมา ร่วมกับสายจุมพฏ เลขะพันธุ์และ มือเบสระดับพระกาฬอย่างพิทักษ์ ศรีสังข์เพื่อนเรียนในวัยเด็กจากชุมพร ที่ต่อมากลายเป็นมือเบสคู่ชีพที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาจนถึงปัจจุบัน

ช่วงถัดมาเป็นการแสดงสดของ โป่ง ในยุคของวงอินเฟอร์โน่วงลำดับที่ 2 ที่ โป่ง จับมือพิทักษ์ชักชวนตุ้มวีระ โชติวิเชียรและน้อยเอกชัย วิมลแก้วมาร่วมวง  ชื่อเสียงของอินเฟอร์โน่เริ่มเป็นที่รู้จักจากการเล่นสดในคลื่นวิทยุชื่อดังคึกคักยามเช้ากับวิฑูร วทัญญูจากนั้นพัฒนาสู่การเล่นอาชีพตามสถานบันเทิง โดยคืนนี้ โป่งคัด 5 เพลงสากล ที่เล่นประจำในยุคนั้นมาเรียกความมันส์เพิ่มขึ้นตามลำดับ อาทิ เพลงบรรเลง “YYZ” (Rush), “War Pigs” (Black Sabbath), “Burn”(Deep Purple), “Rock and Roll” (Led Zeppelin),  “Free Bird” (Lynyrd Skynyrd) ก่อนปิดท้ายช่วงนี้อีก 1 บทเพลงจากแขกรับเชิญคนแรกที่ทำให้โป่ง ปฐมพงษ์เป็นที่รู้จักในช่วงยุควงดิโอฬาร โปรเจ็คนั่นคือพี่ซันมาโนช พุฒตาลกูรูด้านเพลงและผู้บริหารค่ายเพลง Mile Stone ที่มาเล่าเรื่องราวในช่วงวงโซดาสู่วงดิ โอฬาร พร้อมขับกล่อมแฟนเพลงด้วย “Behind Blue Eyes” ผลงานระดับตำนานจากวง The Who

โป่ง ปฐมพงศ์ เล่าว่าการที่อินเฟอร์โน่ตระเวนเล่นตามสถานบันเทิงหลายที่ ทำให้ได้พบเพื่อนนักดนตรีมากขึ้น จนกระทั่ง โป่ง และพิทักษ์ ได้พบกับมือกีตาร์ระดับยอมฝีมืออย่างโอ้โอฬาร พรหมใจที่แต่งดนตรีเก็บไว้หลายเพลงพร้อมชักชวน 3 เพื่อนนักดนตรีที่รู้จักกันในแวดวงอย่าง อาร์ตสมโชค นวลนิรันดร์ (Guitar), โมฉัตรพงษ์ นิยมไทย(Keyboard), บรรจง รัตนโสภณ (Drum/Vocal) มาร่วมทำวงร็อกที่เล่นเพลงไทยซึ่งถือเป็นวงแรก ของประเทศโดยโป่งรับหน้าที่เขียนเนื้อเพลง แล้วนำไปเสนอค่ายเพลงแกรมมี่ เมื่อผลงานเข้าตา  จึงได้ทำผลงานเป็นอัลบั้มเพลงครั้งแรก โดยมี พี่เต๋อ เรวัต พุทธินันท์ เป็นโปรดิวเซอร์ให้คนแรก และได้พี่เล็กบุษบา ดาวเรืองตั้งชื่อให้ว่าวงโซดา (Soda)”  มีเพลงที่ได้รับการยอมรับมากมาย โดยในช่วงที่ 3 ของการแสดงในนามวงโซดา โป่งและวงก็ได้คัดเอา 5 เพลงที่คุ้นหูของวงโซดามาบรรเลงเรียกบรรยากาศเก่า ให้ย้อนรำลึกกัน ได้แก่กีตาร์พาฝัน”, “สิ่งที่ฉันเห็น”, “ไปเธค”, “เด็กซิ่งและปลายคลื่นก่อนปิดท้ายโชว์ด้วยการเซอร์ไพร์สแฟนเพลงเรียกเสียงกรี๊ดลั่นฮอลล์ เมื่อมีร่างเล็กๆของหญิงสาว เดินสะพายกีตาร์ออกมาหน้าเวที แสงจากในฮอล์ส่องให้เห็นใบหน้าของ แม่ลินหรือย่าลิน เน็ตไอดอลวัยเก๋าของชาวโซเชี่ยล ที่รู้จักกันจากเพจ “Malinda Herman” และเพจหญิงชรากับหมาน้อยและเธอคนนี้ยังเป็นพี่ลินพี่สาวที่รักและเคารพของโป่ง และสมาชิกวงโซดาทุกคน  หนึ่งในบุคคลสำคัญของช่วงหนึ่งในชีวิต ที่เป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและเป็นผู้ที่คอยสร้างพลังใจให้แก่กันมาตลอดแม่ลินดีดกีตาร์โปร่งโชว์เพลงฮิตประจำตัวที่ทำให้ชาวโซเชี่ยลรู้จักทั่วบ้านทั่วเมืองคือ “Why Do I Love You So” ของ Johnny Tillotson เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือสนั่นฮอลล์  ก่อนโชว์จะถูกโยนเข้าสู่ช่วงของการแสดงสดที่เริ่มทวีความหนักแน่นและความมันส์มากขึ้น นั่นคือช่วงของวงดิ โอฬาร โปรเจ็ค” (THE OLARN PROJECT)

ทันทีที่เข้าสู่ช่วงแสดงสดของวงดิ โอฬาร โปรเจ็คบรรยากาศในฮอลล์คึกคักมากขึ้น แฟนเพลงสายร็อคแฮร์แบนด์โยกหัวกันไม่หยุด ประเดิมความมันส์กับเพลงคนและไฟปรารถนาตามต่อด้วยเสียงกรี๊ดกระหึ่มฮอลล์เมื่อเสียงกีตาร์กีตาร์ถูกบรรเลงไล่เรียงออกมาเป็นท่วงทำนองอินโทรของเพลงสุดฮิตอมตะอย่างอย่าหยุดยั้งตามด้วยเสียงของแฟนเพลงกระหึ่มฮอลล์ที่ร่วมร้องไปกับ โป่ง ตลอดทั้งเพลง ก่อนตามต่อด้วยอีกหนึ่งเพลงฮิตอย่างแทนความห่วงใยปิดท้ายด้วยเพลงบรรเลงพลังและความตั้งใจที่ยังคง หนักแน่น พลิ้วไหว ให้เคลิบเคลิ้ม จากนั้นเข้าสู่ช่วงคนสำคัญของชีวิต นั่นคือการขึ้นเวทีของน้องแองจี้ฐิติชา สมบัติพิบูลย์ลูกสาวแก้วตาดวงใจของโป่ง ปฐมพงศ์ศิลปิลไอดอลชื่อดังแห่งค่าย E29 Music Identities พร้อมโชว์พลังเสียงร้องแบบสด ในเพลง “Someone Like You” ผลงานศิลปินชื่อก้องโลก Adele ให้แฟนเพลงได้ชื่นชมพร้อมรับพลังจากเสียงปรบมือสนั่นฮอลล์ เรียกได้ว่าเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง แถมน้องแองจี้ ยังทิ้งท้ายหยอดคำหวาน ให้กับพ่อว่าถึงหนูจะร้องแร็พ แต่หนูก็เป็นร็อคเพื่อพ่อได้ค่ะ

จากนั้นความมันส์ของการแสดงก็แรงและร็อกขึ้นด้วยการอุ่นเครื่องครั้งสุดท้ายกับ 3 เพลงฮิตของ The Sun อย่างง่ายเกินไป”, “ทำดีที่สุดแล้วและแวมไพร์  ตามมาด้วยวีทีอาร์ของ น้าทิวาทิวา สาระจูฑะ บก.นิตยสารสีสันผู้คร่ำหวอดในวงการดนตรีร็อกมานานกว่า 40 ปี และเป็นบุคคลที่นักดนตรีทุกคนให้ความนับถือ น้าทิวามาบอกเล่าเรื่องราวที่มาก่อนการเป็นวงร็อกสตาร์ชื่อดังแห่งยุค’80 และการตั้งชื่อให้กับวงหินเหล็กไฟจากนั้นความเดือดพล่านภายในฮอลล์ก็ระเบิดขึ้นทันทีตั้งแต่เริ่มต้นเมโลดี้ตัวแรกของอินโทรเพลงนางแมวที่เรียกแฟนเพลงแทบทุกคนให้ลุกขึ้นโขยกความมันส์กันทั่วทั้งฮอลล์ ตามมาด้วยการขนเพลงฮิตมาประเคนให้ชาวร็อกได้มันส์กันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นพลังรัก”, “หลงกล”, “ยอม”, “คิดไปเอง”, “สู้”, “หวาดระแวง”, “ศรัทธาก่อนปิดท้ายความมันส์ด้วยสองบทเพลงค้างคาวไฟที่เชิญขุนทอง อสุนีย์ผู้เขียนเพลงนี้มาร่วมแจม เล่นเอาชาวร็อคนั่งไม่ติด เรียกว่าเก้าอี้ในฮอลล์แทบถูกทิ้งร้าง เพราะแฟนเพลงทั้งฮอลล์ลุกขึ้นโยกร่วมร้องร่วมมันส์กันทุกคน ก่อนปิดท้ายด้วยอังกอร์ด้วย“Going Down” บทเพลงที่รวม 7 สุดยอดนักกีตาร์มือพระกาฬของเมืองไทยที่เคยร่วมเป็นสมาชิกวงดนตรีทุกยุคของโป่ง ปฐมพงศ์มาโชว์ร่วมกันบนเวที ได้แก่ ป๊อบ เดอะซันจักรรินทร์ ดวงมณีรัตนชัย,โอ้โอฬาร พรหมใจ, ตุ้มวีระโชติวิเชียร, โตนำพล รักษาพงษ์ (โต),น้อย,เอกชัย วิมลแก้ว, สายมพฏ เลขะพันธุ์, อาร์ตสมโชค นวลนิรันดร์  และอีก 1 มือกีตาร์รับเชิญอย่าง หมู คาไลโดสโคป ขึ้นมาร่วมแจม งานนี้เรียกเสียงซู้ดปากจากคอเพลงชาวร็อกได้อักโขโดยเฉพาะมือกีตาร์ เรียกได้ว่าเป็นการปิดคอนเสิร์ต “Pong 47 ปี Rock Never Dies” ได้อย่างสมบูรณ์และครบทุกอรรถรสทางดนตรี สร้างความอิ่มเอมใจให้แฟนเพลงชาวร็อกของโป่ง ที่เข้าร่วมชมความมันส์กันตั้งแต่นาทีแรกจนถึงวินาทีสุดท้ายกันเลยทีเดียว

โป่ง ปฐมพงศ์กล่าวทิ้งท้ายหลังจบคอนเสิร์ตทุกท่านคงได้รู้จักตัวตนของผมในทุกช่วงเวลาตลอด 47 ปีที่ผ่านมาคงได้เห็นว่าผมผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะประความสำเร็จและอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ ผมไม่ได้สุดยอดอะไร บังเอิญเรามีเพื่อน นักดนตรีที่เก่งอยู่ข้างตัวเรา เพลงของเราจึงออกมาดี มีแฟนเพลงชื่นชอบ ผมขอขอบคุณเพื่อน ทุกคนที่ผ่านมาในชีวิตตลอดเส้นทางดนตรี ขอบคุณคลาสซี่ เร็คคอร์ด (Classy Records) ที่เป็นคนจุดประกายและลงมือทำโปรเจ็คต์นี้ขึ้นมา ทำให้ผมและเพื่อนๆได้มารวมตัวกันแบบนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งอาจเป็นครั้งเดียวในชีวิตของผม เพราะพวกเราก็อายุมากกันแล้ว ขอบคุณแฟนเพลงทุกคนที่เป็นพลังใจให้กันตลอดมา ขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในวันนี้ ขอขอบคุณจากใจจริงๆครับ

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here