พานาโซนิค และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยกระดับงานวิจัย “การทดลองระบบ Home IoT เพื่อทดสอบ ‘สภาวะน่าสบายและการประหยัดพลังงาน’ ในโครงการที่อยู่อาศัย” ผนึก 3 ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ เสนา – เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง – สถาพร เอสเตท ร่วมสร้างนวัตกรรมที่อยู่อาศัยแบบยั่งยืน ทดลองติดตั้งระบบ Home IoT ในบ้านตัวอย่างเพื่อค้นหาสภาวะอยู่สบายลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสำหรับคนไทย ด้านรัฐบาลไทยโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงานและภาครัฐญี่ปุ่นโดยองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม(NEDO) ประเทศญี่ปุ่น ร่วมแสดงเจตจำนงสร้างความมั่นคงทางพลังงาน พร้อมให้การสนับสนุนเพื่อขยายผลนำไปสู่ต้นแบบการออกแบบบ้านประหยัดพลังงานในประเทศไทยในอนาคต
พัฒนาโซลูชั่นส์ Home IoT เร่งวิจัยค้นหาสภาวะน่าสบาย ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน
มร. มาซาอาคิ อิโซะดะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท พานาโซนิค อีเล็คทริค เวิร์คส์ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “จากวิสัยทัศน์ “Panasonic GREEN IMPACT” ซึ่งเป็นภารกิจด้านสิ่งแวดล้อมแบบระยะยาวของพานาโซนิคทั่วโลก ที่มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน พานาโซนิคจึงพยายามคิดค้นนวัตกรรมที่สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้ง่ายด้วยการสร้างโซลูชั่นส์ใหม่ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ของพานาโซนิคที่มีอยู่แล้ว ให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหาคุณภาพชีวิตในที่อยู่อาศัย โดยโซลูชั่นส์แรกที่พานาโซนิคคิดค้นเพื่อมาตอบโจทย์แนวคิดข้างต้น ด้วยการให้เทคโนโลยีอย่าง Home IoT และ algorithm มาช่วยควบคุม โดยคาดหวังว่าผลของการวิจัยจะทำให้สามารถค้นพบ “สภาวะน่าสบายภายในบ้าน” สำหรับคนไทยโดยเฉพาะ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่อยู่อาศัยในอนาคตที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในประเทศไทย
มร. ฮิเดคาสึ อิโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “พานาโซนิค ได้พยายามคิดค้นโซลูชั่นส์เพื่อมาตอบโจทย์แนวคิดด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน เราได้มองเห็นความสำคัญของบ้านที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ ของมนุษย์ โดยเราเชื่อว่า “เมื่อบ้านได้มอบความสบายกายและใจให้กับผู้อยู่อาศัย ก็จะเป็นการช่วยลดการสร้างภาระให้กับโลก เกิดเป็นการอยู่อาศัยที่ยั่งยืนได้ จึงเป็นที่มาของแนวคิดโครงการวิจัยเกี่ยวกับสภาวะน่าสบายของคนไทยร่วมกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อคิดค้นระบบที่สร้างความน่าสบาย ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้
โครงการนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2022 โดยมีการสร้างโมเดลที่อยู่อาศัยแบบจำลอง Zen Model ขึ้นที่ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจำลองบรรยากาศที่อยู่อาศัยในสภาวะน่าสบาย และทำการเก็บข้อมูล ก่อนจะนำไปสู่การทดลองกับบ้านจริงหลังแรกภายในบ้านตัวอย่างของโครงการเสนา แกรนด์โฮม บางนา กม. 29 โดยร่วมกับ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป เมื่อปลายปี 2023 ที่ผ่านมา
ในปีนี้ พานาโซนิคจะเร่งเดินหน้าพิสูจน์การทำงานของระบบว่าสามารถเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนการลดการใช้พลังงานภายในบ้าน โดยจะมีการทดสอบระบบในที่อยู่อาศัยจริง จำนวน 12 หลัง จากผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ 3 ราย ได้แก่ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) รวมถึง บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด ที่เป็นลูกค้าที่สำคัญกับพานาโซนิคมาอย่างยาวนาน ซึ่งแต่ละหลังมีการออกแบบอาคารที่โดดเด่นเฉพาะตัว ในบริบทที่ต่างกันไป นับเป็นโจทย์ที่น่าสนใจเพื่อใช้ในการทดสอบ พร้อมกันนี้ยังได้รับความร่วมมือจาก สำนักส่งเสริมโครงการระหว่างประเทศ องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO) ประเทศญี่ปุ่น ที่ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณเพื่อช่วยผลักดันการศึกษาวิจัยให้บรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว รวมถึงความร่วมมือจาก กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงานของประเทศไทย ในการสนับสนุนด้านข้อมูลพร้อมทั้งเตรียมผลักดันแนวคิดดังกล่าวนี้สู่นโยบายบ้านประหยัดพลังงานในอนาคต”
ภาครัฐไทยและญี่ปุ่น ร่วมแสดงเจตจำนงสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
มร. ทาคาชิ นารุเสะ ผู้อำนวยการบริหาร สำนักส่งเสริมโครงการระหว่างประเทศ องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “NEDO เป็นหนึ่งในองค์กรบริหารจัดการวิจัยและพัฒนาของรัฐที่ใหญ่ที่สุดภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (METI) โดยมีพันธกิจหลักคือการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาในด้านพลังงาน เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มีเป้าหมายเพื่อนำผลการวิจัยมาใช้ในทางปฏิบัติและเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสังคม โดยการร่วมมือหลายประเทศ อาทิ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน (ASEAN), จีน, อินเดีย, สหรัฐอเมริกา, และสหภาพยุโรป สำหรับประเทศไทย NEDO ได้มีความร่วมมือกับภาครัฐบาลทั้ง กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการอุดมศึกษา กระทรวงวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น เพื่อดำเนินโครงการสาธิตหลายโครงการในด้านเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน พลังงานทางเลือก การลดคาร์บอน การปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาอุตสาหกรรม
สำหรับการดำเนินโครงการทดลองระบบ Home IoT เพื่อทดสอบ “สภาวะน่าสบายและการประหยัดพลังงาน” ในโครงการที่อยู่อาศัย ที่ดำเนินการโดย บริษัท พานาโซนิค โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น นับเป็นโครงการสำคัญที่จะนำไปสู่การลดใช้พลังงานในภาคที่อยู่อาศัยในประเทศไทยอย่างยั่งยืนในอนาคต NEDO จึงได้ให้การสนับสนุนในด้านงบประมาณเพื่อช่วยเร่งการทดสอบประสิทธิภาพและยืนยันความสำเร็จของระบบได้เร็วยิ่งขึ้น และผลักดันให้การอยู่อาศัยในสังคมไทยให้มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (NET ZERO society) ได้รวดเร็วมากขึ้น
ด้าน นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า“โครงการนี้ถือเป็นการขับเคลื่อนเชิงความมั่นคงทางพลังงานที่สำคัญ เนื่องจากเป็นโครงการสาธิตเรื่องการอนุรักษ์พลังงานในภาคครัวเรือนในประเทศไทย โดยเน้นไปที่ระบบเครื่องปรับอากาศเนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่กินไฟมาก ด้วยการนำใช้เทคโนโลยี IoT มาควบคุมช่วยลดการใช้เครื่องปรับอากาศ พร้อมกับการออกแบบพื้นที่อย่างเหมาะสม โดยยังคงรักษาและสร้างสภาวะน่าสบาย หรือ Comfort Environment ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัย สถานที่ตั้ง และรูปแบบของบ้าน โดยทางกรม ฯ จะช่วยให้คำปรึกษาด้านนโยบาย ช่วยประสานงานกับหน่วยงานอื่นและอำนวยความสะดวกต่างๆ และนำผลที่ได้จากโครงการไปขยายผลต่อรวมถึงการออกมาตรการส่งเสริมที่เกี่ยวข้องต่อไป
“โครงการสาธิตนี้เปรียบเสมือนการสร้างโชว์รูม ซึ่งหากสามารถขยายผลเทคโนโลยีที่โชว์อยู่ในเชิงพาณิชย์ได้ ก็จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศได้ ถือว่าเป็นประโยชน์ทั้งกับประเทศไทยและญี่ปุ่น และถือว่าเป็นโครงการที่มาถูกที่ถูกเวลา ช่วยลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนซึ่งตอนนี้ค่าไฟมีราคาสูงขึ้นมาก และสอดคล้องกับแผนอนุรักษ์พลังงานปี 2022 ของกระทรวงพลังงานที่ส่งเสริมการใช้ IoT มาช่วยเรื่องการประหยัดพลังงานในภาคครัวเรือนมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้มีการนำนวัตกรรมด้านพลังงานมาใช้ในวงการอสังหาริมทรัพย์ของไทย เพื่อร่วมกันสร้างสังคมคาร์บอนต่ำในประเทศไทย ตามกระแสโลกในปัจจุบัน”
จุฬาฯ ใช้ระบบ BIM ผนึก Home IoT ค้นหาพบสภาวะน่าสบายและประหยัดไฟเกิดขึ้นได้จริง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สรายุทธ ทรัพย์สุข คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า “การดำเนินโครงการนี้เริ่มต้นจากสมมติฐานที่ว่าการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส อาจไม่ใช่วิธีการประหยัดพลังงานที่ดีที่สุด และไม่ใช่อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไทย เราจึงทำการทดลองหาค่า Predicted Mean Vote (PMV) หรือสภาวะน่าสบายของคนไทย มาตั้งแต่ปี 2022 ผ่านโมเดลที่อยู่อาศัยแบบจำลอง ZEN Model ที่มีการเขียนแบบบ้านโดยใช้ระบบ BIM (Building Information Modeling) และระบบต่าง ๆ ภายในบ้านถูกควบคุมด้วยระบบดิจิทัล Home IoT (the Internet of Things)
งานออกแบบการทดลองเพื่อหา Predicted Mean Vote (PMV) ในกลุ่มคนไทย ถือเป็นกุญแจสำคัญ ที่ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยความร่วมมือกับทีมวิจัยของพานาโซนิค พยายามสรุปขึ้นมา เพื่อนำมาวางเงื่อนไขทดลองในพื้นที่ที่พักอาศัยในระดับต่าง ๆ และพิสูจน์การประหยัดพลังงานในสภาวะน่าสบายจริง จนในปัจจุบันสามารถประมวลผลจากการทดลอง PMV ขั้นต้นได้ว่า เราสามารถจัดการพื้นที่ภายในบ้านให้ผู้พักอาศัยยังคงรู้สึกสบาย โดยที่ประหยัดค่าไฟได้จริง นอกจากนี้ขั้นตอนการเก็บข้อมูลและจัดการสภาวะภายในที่พักอาศัยด้วยการประยุกต์อุปกรณ์ IoT ผ่าน Platform BIM และ Digital Twin ก็ถือเป็นอีกความพยายามของทีมวิจัย เพื่อให้เกิดความยั่งยืนตามเงื่อนไขที่สามารถรักษาสภาวะดังกล่าวได้
โดยในการจัดการพื้นที่ภายในบ้านให้ผู้พักอาศัยจะมีการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องปรับอากาศ พัดลม สวิตซ์ และเซนเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งทํางานผ่านอุปกรณ์และระบบ Comfort Air and Home IoT ของพานาโซนิค ภายในบ้านพักอาศัยโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กสองชั้น ขนาดประมาณ 140-180 ตารางเมตร อุปกรณ์ในการทดลองจะถูกติดตั้งตามการออกแบบที่เหมาะสมกับบ้านแบบต่าง ๆ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านซอฟต์แวร์ของพานาโซนิค ซึ่งส่งผลให้อาคารแต่ละหลังอาจมีจํานวน และตําแหน่งของอุปกรณ์แตกต่างกันไป โดยจะทําการทดลองเป็นระยะเวลา 1 ปีเพื่อสังเกตประสิทธิภาพในแต่ละฤดูของประเทศไทย ซึ่งจะมีการวัดค่าและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการประสิทธิภาพการประหยัดงานของระบบ ผ่านการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิ ความเร็วลม เป็นต้น
เสนา – เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง – สถาพร เอสเตท สนับสนุนบ้าน 12 หลัง เพื่อการวิจัยร่วมค้นหา ‘สภาวะน่าสบายและการประหยัดงาน’
ดร. เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ได้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานวิจัยเพื่อค้นหาสภาวะน่าสบายมาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โดยการให้พานาโซนิคได้ทำการทดสอบระบบในบ้านตัวอย่างของโครงการเสนา แกรนด์ โฮม บางนา กม.29 เมื่อช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมา เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นโปรเจคที่ให้คุณค่าต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ตรงกับแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์พลังงานของเสนาดีเวลลอปเม้นท์ “SENA Low Carbon” ที่สนับสนุนการใช้ชีวิตแบบDecarbonized Lifestyle ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิต ไม่เพียงแค่พัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพแต่ยังพัฒนาสินค้า บริการ และธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกช่วงวัย ลูกบ้านสามารถใช้ชีวิตรักษ์โลกได้ง่าย ๆ และเป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ได้ให้การสนับสนุนบ้านตัวอย่าง โครงการเสนา วิลเลจ บางนากม. 29 จำนวน 4 หลัง แบ่งออกเป็น บ้านแฝด THANN+ จำนวน 2 หลัง ขนาดประมาณ 35 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย165 ตร.ม. และบ้านทาวน์โฮม THEE+ จำนวน 2 หลัง ขนาดประมาณ 27 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม. สำหรับใช้ในการทดลอง ซึ่งบริษัทฯ หวังว่าจะสามารถนำไปพัฒนาเป็นเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยได้อย่างมีประสิทธิภาพตามแนวคิด SENA Low Carbon ทั้งในด้านประหยัดพลังงาน และความสะดวกสบายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย”
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ ถือเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่คู่กับคนไทยมานานกว่า 30 ปี พร้อมทั้งดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด Home Expert Living Care ให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในโครงการเพื่อเพิ่มมูลค่าและความสะดวกสบาย รวมถึงการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ด้วย Innovation นวัตกรรมดีไซน์ เชื่อมโยงเทคโนโลยี มี Product Roadmap คอนเซ็ปต์ NCXT (NC Cross Innovation & Home Technology)ช่วยให้ผู้อยู่อาศัย มีความสะดวกสบาย ปลอดภัย Smart Eco และ มีสุขภาพที่ดี Smart Care ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในระยะยาว เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี Well Living ดังนั้นการได้ร่วมมือกับ พานาโซนิคในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ ในการพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัยสู่ความยั่งยืน และประหยัดพลังงานเพื่อคนไทย โดยทางบริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนบ้านตัวอย่างในโครงการ บ้านฟ้ากรีนเนอรี่ NEOLA รังสิต คลอง 2 เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัย จำนวน 4 หลังแบ่งออกเป็น บ้านแฝด Modish จำนวน 2 หลัง ขนาดพื้นที่ 39 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 140 ตารางเมตร และบ้านเดี่ยว Louis จำนวน 2 หลัง ขนาด 57 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 155 ตารางเมตร ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ An Environment Designed for Better Living ที่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม Active Green การเชื่อมโยงสู่ความเป็นบ้านสภาวะน่าสบาย ภายในบ้าน ตรงตามแนวคิด ของการพัฒนาโครงการอย่างยั่งยืน ของเอ็น.ซี”
ทางด้าน นายสุนทร สถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด กล่าวว่า “สถาพร เอสเตท เป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่ให้ความสำคัญกับการบูรณาการความยั่งยืนในทุกกระบวนการทั้งด้านธุรกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการอนุรักษ์พลังงาน ทีมงานสถาพรทุกคนยึดถือแนวคิดนี้เป็นแนวทางในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในทุกโครงการและทุกทำเล
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัทฯ มอบบ้านที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 4 หลัง จากโครงการ ดิ อิเธอร์นิตี้ กรีนวู้ด รังสิต– วงแหวน (THE ETERNITY GREENWOOD Rangsit – Wongwaen) ที่ได้รับ 4 รางวัล Thailand Energy Award จากกระทรวงพลังงาน โดยเป็นการสนับสนุน บ้านเดี่ยวแบบ Companion จำนวน 1 หลัง ขนาด 53.7 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 220 ตารางเมตร และบ้านเดี่ยวแบบ Beloved จำนวน 3 หลัง ขนาด 50.6 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 185 ตารางเมตร ให้ Panasonic ได้ทำการวิจัยอย่างอิสระ เพื่อให้ได้แนวทางอันเป็นประโยชน์ต่อการอยู่อาศัยที่ดี ภาวะน่าสบาย และการบริหารจัดการพลังงานด้วยเทคโนโลยี เพื่อต่อยอดนวัตกรรมการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับประเทศไทย โดยหวังจะสามารถนำผลลัพธ์ที่ได้ไปพัฒนางานสถาปัตยกรรม วิศวกรรม และเทคโนโลยี ให้เข้าด้วยกันแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อพัฒนาให้เกิดเป็นบ้านที่ยั่งยืนมากขึ้น ในเจนเนอเรชั่นถัด ๆ ไปของสถาพร เอสเตท”