“ยางรถยนต์” หนึ่งในชิ้นส่วนที่ถูกเปลี่ยนบ่อยที่สุดในยานพาหนะยอดฮิตของคนไทย โดยส่วนใหญ่ยาง 1 เส้นจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 3-4 ปี ขึ้นอยู่การความสมบุกสมบันในการขับขี่ สาเหตุที่รถยนต์ควรจะ เปลี่ยนยางเมื่อถึงอายุขัย เนื่องจากบนยางจะมีลวดลายที่ออกแบบมาเพื่อการทรงตัวให้รถเกาะถนนและรีดน้ำให้ ไหลผ่านล้อไปทางด้านหลัง โดยเรียกกันว่า “ดอกยาง” หากดอกยางสึกหรือลายบนยางเริ่มเลือนลาง จะส่งผลต่อ การขับขี่โดยตรงและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
การเปลี่ยนยางแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าดอกยางเก่านั้นสามารถนำไปเข้า เครื่องจักรเพื่อ “ขูดยาง” ให้มีลวดลายกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เรียกว่าการทำ “Retread” แต่สาเหตุที่การขูดยาง ยังไม่เป็นที่นิยมเพราะเครื่องจักรมีราคาแพง และเครื่องจักร 1 เครื่อง สามารถใช้กับล้อได้เพียง 1 ขนาดเท่านั้น ทำให้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนของผู้ประกอบการ
ในอนาคตปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เมื่อ ผศ. ดร.ชนะ รักษ์ศิริ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากฝ่ายการวิจัยมุ่งเป้า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้วิจัยและผลิตหุ่นยนต์ไว้ใช้ในงาน “ยางหล่อดอก” มาช่วยแก้ปัญหาเดิม ๆ ของเครื่องจักรให้สามาถปรับใช้ได้ กับยางทุกขนาดทุกประเภท โดยจะใช้หุ่นยนต์ที่นิยมในงานอุตสาหกรรมอย่าง Articulated Arm Revolute Robot ในการพัฒนาตัวต้นแบบ ซึ่งหุ่นยนต์นี้จะสามารถเคลื่อนที่ได้ทั้ง 6 องศาอิสระ นับเป็นหุ่นยนต์ขูดยาง ตัวแรกของโลกที่จดสิทธิบัตรและพัฒนาในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีหุ่นยนต์ที่ใช้ในการขูดยางโดยตรง วางจำหน่ายในตลาด
ยางหล่อดอกช่วยให้ผู้ใช้รถสามารถลดต้นทุนการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ได้ร้อยละ 30-50 และแม้จะเป็น ยางเก่าที่นำมาขูดใหม่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ยางนั้นปลอดภัยน้อยลง เนื่องจากจะต้องมีการตรวจสอบว่า โครงยางยังใช้งานได้ดีหรือไม่ ก่อนที่จะขูดหน้ายางเอาดอกยางเก่าออกแล้ว นำไปเข้าเครื่องจักรเพื่อขูดลายใหม่ ลงบนหน้ายางต่อไป นี่คือโอกาสทองของเอสเอ็มอีไทยในธุรกิจนี้ที่กำลังมองหาหนทางใหม่ ๆ ในการพัฒนาแบบ ก้าวกระโดด จากที่ในอดีตแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ภาคธุรกิจเอสเอ็มอี จะเข้าสู่ตลาดการหล่อดอกยางล้อ ขนาดใหญ่เป็นพิเศษอย่าง ยางรถบรรทุก ยางรถเหมือง ยางรถแทรคเตอร์ หรือยางรถทางการทหาร แต่หุ่นยนต์ ราคา 3 ล้านบาทตัวนี้ จะสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็ก มีส่วนแบ่งทางการตลาดด้วยนวัตกรรมจาก หุ่นยนต์อัจฉริยะตัวนี้เพียงเครื่องเดียว
ผศ. ดร.ชนะ ระบุว่า ข้อดีที่เห็นได้ชัดของการใช้นวัตกรรมหุ่นยนต์ คือช่วยลดต้นทุนในการจ้างพนักงาน และลดเวลาสูญเสียในการขูดหน้ายาง จากเดิมที่ใช้เวลาเฉลี่ย 3 นาทีต่อเส้น ผลิตได้ 18,000 เส้น/ปี คิดเป็นเงิน 34 ล้านบาท/ปี แต่หุ่นยนต์ของงานวิจัยนี้สามารถขูดหน้ายางอัตโนมัติ โดยใช้เวลาเฉลี่ย 1.5 นาที/เส้น เพิ่มการผลิตได้ เป็น 36,000 เส้น/ปี คิดเป็นเงิน 68 ล้านบาท/ปี จะเห็นได้ว่าลดกันครึ่งต่อครึ่ง ทั้งลดเวลา แรงงาน และเพิ่มรายได้ อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อผิดพลาดน้อย ได้คุณภาพที่สม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องมีคนคุมเครื่องตลอดเวลา เพราะ หุ่นยนต์ 1 เครื่องจะแทนคนงานได้ 3 คน คิดเป็นเงินคร่าว ๆ ลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 5 แสนบาท/ปี ราคาหุ่นยนต์ ที่พัฒนาขึ้นมีต้นทุน 2.5 ล้านบาท ซึ่งผู้ประกอบการสามารถจำหน่ายได้ในราคา 3.5 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเพิ่ม 1 ล้านบาท
“ขณะนี้หุ่นยนต์ขูดหน้ายางกำลังอยู่ในขั้นพัฒนาและทดสอบหุ่นยนต์ต้นแบบ โดยมีระบบคอยตรวจสอบ ความโค้งของยาง ต้องขูดลงไปในเนื้อยางลึกเท่าไหร่ ตรวจสอบหลังขูดว่ามีความโค้งที่พอเหมาะหรือไม่ ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นหุ่นยนต์จะทำงานเป็นระบบอัตโนมัติ ใช้คนคุมเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น จึงเป็นโอกาสทอง ของเอสเอ็มอีที่จะมาเน้นการหล่อดอกยางแบบพิเศษแทนการหล่อดอกยางแบบเดิมเพื่อสร้างโอกาสและรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น” หัวหน้าโครงการวิจัย สกว. กล่าวสรุป