เอ อินกรีเดี้ยนท์” จับมือ “โพรแลค” พันธมิตรสำคัญ ส่งมอบน้ำพูลคาวโดกุดามิ 3,000 ขวด ให้กรมราชทัณฑ์ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ เพื่อสร้างประโยชน์ หวังยับยั้งการแพร่ระบาดครั้งนี้
นายอากร สนิทใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ อินกรีเดี้ยน จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์โรคระบาดที่ขยายวงกว้างอยู่ในขณะนี้ จึงตัดสินใจมอบผลิตภัณฑ์น้ำพูลคาวโดกุดามิ จำนวน 3,000 ขวด มูลค่า 5 ล้านบาท ให้กับกรมราชทัณฑ์ ถือเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจ โดยเฉพาะการใช้สมุนไพรไทยในการวิจัยพัฒนาและผลิตโดยคนไทย ภายใต้ กลุ่ม บริษัท โพรแลค คาดว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ป่วย ผู้มีความเสี่ยงและสามารถช่วยยับยั้งเชื้อโรคที่แพร่อยู่น้อยลง
“เรามาช่วยกันเปิดใจด้วยการเสริมภูมิคุ้มกันกับสมุนไพรไทยดีๆ มาช่วยเยียวยา ด้วยความห่วงใยเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วย กลุ่มเสี่ยง ผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ต้องทำงานในพื้นที่เสี่ยง จึงนำผลิตภัณฑ์มาบริจาคให้กรมราชทัณฑ์ โดยเราช่วยเหลือบริจาคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำพูลคาวโดกุดามิ วิจัยและ ผลิตโดยกลุ่มบริษัท โพรแลค”
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะบริจาคสิ่งที่เกิดจากภูมิปัญญาคนไทย และสมุนไพรไทย ปราศจากสารเคมีไม่มีสารปนเปื้อน มีเอกสารรับรองมาตรฐานต่างๆ ในกระบวนการผลิต การปลูก และแปรรูป เช่นIS9001/2015, GMP CODEX, ORGANIC CERTIFICATION USDA, EU, BIO SWISS, V CERT UK, JAS JAPAN. และเอกสารงานวิจัย มะเร็ง เอดส์ เบาหวาน ต้านการชรา อื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการตีพิมพ์ในวารทางการแพทย์ระดับนานาชาติ รวมถึงการนำเสนองานวิจัยนี้ในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัลในเรื่องคุณภาพจากประเทศต่างๆ ในยุโรปและอเมริกา โดยบริษัทฯ มีแผนจัดจำหน่ายทั่วโลกหลังจากการประกาศความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาจนถึงขั้นใช้เป็นยารักษาโรค แต่การประกาศต้องเลื่อนจากเดือนเมษายน 2563 เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดในประเทศไทย”
นายอากร เพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา เราประกอบธุรกิจหลายธุรกิจในภาคใต้ อย่างเช่น ธุรกิจเคมีในอุตสาหกรรมถุงมือยาง ในนามบริษัท ที ซี กรุ๊ป จำกัด (TC Group)และยังเป็นสมาชิกวิสามัญกับสมาคมถุงมือยางแห่งประเทศไทย และสมาคมอื่นๆในอุตสาหกรรมยาง นอกจากนี้ ยังให้การช่วยเหลือและบริจาคทุนทรัพย์ เช่น มอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในสถาบันการศึกษาต่างๆ
ด้าน ดร.อัศวิน วัฒนปราโมทย์ ประธาน กรรมการ กลุ่ม บริษัท โพรแลค จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรได้เปิดดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี เป็นที่รู้จักแพร่หลายในหลายประเทศ และต่างประเทศมีโรงงานที่ได้มาตรฐานระดับสากล ISO9001/2015 และมาตรฐานการผลิตระดับดีมาก ของสำนักงานอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข มั่นใจในผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีที่ผ่านงานวิจัย ซึ่งในช่วงเริ่มก่อตั้งและดำเนินการพัฒนาพืชสมุนไพรไทยได้ทำความร่วมมือกับหลายคณะของมหาวิทยาลัยชื่อดัง อาทิ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น, คณะอุตสาหกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และสถาบันวลัยรุกเวท มหาวิทยาลัยมหาสาคาม ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนวิจัยไทย(สกว.) ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ตลอดระยะเวลายาวนานถึง 20 ปี การวิจัยและพัฒนาในช่วงต้นๆนั้น มุ่งเป้าไปที่การหาพืชสมุนไพรที่มีศักยภาพในการรักษา บรรเทา การติดเชื้อ ไวรัส HIV/AIDs ดำเนินการทดลองตั้งแต่ในหลอดทดลอง ในสัตว์ทดลอง และสุดท้ายดำเนินการวิจัยทางคลีนิคในมนุษย์ เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ในผู้ป่วย HIV/AIDs การศึกษาวิจัยในมนุษย์ ซึ่งการวิจัย ดังกล่าวได้มีการนำเสนอตีพิมพ์ในวารสารด้านการแพทย์ และสัมฤทธิ์ผลของผู้ป่วยนับร้อยคน ปราศจากเชื้อ กลับมาใช้ชีวิตเป็นคนปกติ และบางคนในกลุ่มผู้ที่เคยติดเชื้อเอดส์ ได้รับเชิญให้เป็นผู้แทนของ UNAIDs เพื่อนำเสนอประสบการณ์การป้องกัน และการใช้ชีวิตในระหว่างที่ยังเป็นผู้ป่วยรับการบำบัดรักษาอยู่
“กลุ่มบริษัท โพรแลค เล็งเห็นถึงความสำคัญในการที่เจ้าหน้าที่เรือนจำ และบรรดาผู้ต้องขังต้องเผชิญกับความเสี่ยง ที่เลี่ยงได้ยาก มีผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานเรือนจำ รวมทั้งความกดดันในหมู่ผู้ต้องขังทั้งหลาย จึงได้มอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากการผลิตของบริษัทฯ เพื่อให้เจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ และผู้ต้องขังได้ใช้ เพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยการเร่งเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายพร้อมกับการขจัดไวรัส”
อย่างไรก็ตาม สำหรับการบริจาคผลิตภัณฑ์ของบริษัท ให้แก่กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการนำสิ่งที่เป็นภูมิปัญญาของนักวิทยาศาสตร์ไทย นักศึกษาผู้ช่วยวิจัย และมหาวิทยาลัย เห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็น ที่จะต้องแสดงออกให้เห็นถึงการวิจัยและพัฒนาในสิ่งที่สามารถจัดหาได้ในประเทศ และ มีเหตุผล มีเอกสารการวิจัยอ้างอิงชัดเจน มิฉนั้นแล้ว บรรดาผู้ป่วยอาจจะต้องเสียโอกาสในการรักษาพยาบาล เสียโอกาสในการเข้าถึงสิ่งที่มาจากเงินภาษีอากร ที่ผ่านมาจากการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนวิจัยไทย และเงินของมหาวิทยาลัยของรัฐ โดยจะไม่ปล่อยให้ภูมิปัญญาไทย จากงานวิจัยมาตรฐานเหล่านี้ ถูกแอบอ้าง อวดอ้าง สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการระบาดของไวรัสโควิด นั้น บริษัทฯ ได้แจกจ่ายบางส่วนให้แก่ผู้ติดเชื้อ และเปิดใจยอมรับไปใช้ มีผลยั้บยั้งการแพร่กระจาย และทำลายเชื้อไวรัสได้อย่างมีนัยสำคัญ