สมอ. บังคับภาชนะและเครื่องใช้เมลามีน-ฟอร์แมลดีไฮด์ ยูเรีย-ฟอแมลดีไฮด์ และ เมลามีน- ยูเรีย-ฟอร์แมลดีไฮด์ สำหรับอาหาร หลัง กมอ. มีมติเห็นชอบกำหนดเป็นมาตรฐานบังคับแล้ว เพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค หลังพบการนำเข้าภาชนะเมลามีนและภาชนะอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกับภาชนะเมลามีนจากต่างประเทศที่อาจมีสารอันตรายปนเปื้อน
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า ภาชนะเมลามีนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค และร้านจำหน่ายอาหารต่างๆ นำไปใช้ใส่อาหาร เนื่องจากมีความทนทาน ไม่แตกง่าย ทั้งยังน้ำหนักเบา และมีลวดลายสวยงาม แต่จากการตรวจสอบของ สมอ. พบว่าปัจจุบันมีการนำเข้าภาชนะที่มีลักษณะใกล้เคียงกับภาชนะเมลามีนจากต่างประเทศ ซึ่ง หากมีการนำไปใช้ใส่อาหารอาจมีการปนเปื้อนของสารฟอร์แมลดีไฮด์ซึ่งเป็นสารที่มีอันตรายต่อสุขภาพ ปะปนออกมาในอาหารได้ โดยเฉพาะเมื่อนำไปใส่อาหารที่มีความร้อนสูงและอาหารที่มีความเป็นกรด เช่น ต้มยำ แกงส้ม เป็นต้น
สมอ. จึงได้กำหนดมาตรฐาน มอก. 2921-25xx ภาชนะและเครื่องใช้เมลามีน-ฟอร์แมลดีไฮด์ ยูเรีย-ฟอแมลดีไฮด์ และ เมลามีน-ยูเรีย-ฟอร์แมลดีไฮด์ สำหรับอาหาร : เฉพาะด้านความปลอดภัย เป็นมาตรฐานบังคับ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) ได้มีมติเห็นชอบให้กำหนดเป็นมาตรฐานบังคับเฉพาะด้านความปลอดภัย เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา และ สมอ. จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อประกาศเป็นมาตรฐานบังคับต่อไป จึงขอให้ผู้ประกอบการทั้งผู้ทำและผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เตรียมความพร้อมก่อนที่ สมอ. จะประกาศเป็นมาตรฐานบังคับต่อไป
เลขาธิการ สมอ. กล่าวเพิ่มเติมว่า มอก. ภาชนะและเครื่องใช้เมลามีน-ฟอร์แมลดีไฮด์ ยูเรีย-ฟอแมลดีไฮด์ และเมลามีน-ยูเรีย-ฟอร์แมลดีไฮด์ สำหรับอาหาร : เฉพาะด้านความปลอดภัย ที่ สมอ. จะกำหนดเป็นมาตรฐานบังคับนั้น จะมีการควบคุมและทดสอบความปลอดภัยในการใช้งาน ได้แก่ ความทนน้ำเดือด ความทนกรดซัลฟิวริก ปริมาณสารที่ละลายออกมาเมื่อใช้งานต้องอยู่ในระดับที่ปลอดภัย เป็นต้น สำหรับภารกิจด้านการตรวจควบคุมผลิตภัณฑ์ดังกล่าว สมอ. จัดโครงการ สมอ.สัญจร ในพื้นที่ภาคเหนือ ได้มีการประสานการทำงานกับด่านศุลกากรแม่สาย เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันในการควบคุมผลิตภัณฑ์ภาชนะและเครื่องใช้เมลามีนที่จะนำเข้าผ่านด่านศุลกากรและเตรียมการรองรับการประกาศเป็นมาตรฐานบังคับในอนาคตอีกด้วย เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว