นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ในหลายพื้นที่ภาคใต้มีฝนตกหนักทำให้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร และวิถีชีวิตของเกษตรกร จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่เกษตรกรในเบื้องต้นแล้ว เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร และเตรียมการสำรวจความเสียหายพื้นที่ทีหลังน้ำลด
ซึ่งเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือยังคงเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 หลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 ในอัตรา ดังนี้ –ข้าว 1,340 บาทต่อไร่ –พืชไร่และพืชผัก 1,980 บาทต่อไร่ – ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ 4,048 บาทต่อไร่ ตามพื้นที่เสียหายจริงไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ ซึ่งเป็นไปตามที่อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว
ทั้งนี้ มีพื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหายจำนวน 24,484.75 ไร่ แยกเป็นข้าว 5,376.75 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 3,347.00 ไร่ ไม้ผลไม้ผืนต้นและอื่นๆ 15,048.00 ไร่ (ข้อมูล ณ 12 ธันวาคม 2565)
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกรมส่งเสริมการเกษตรเตรียมการสำรวจและช่วยเหลือเกษตรกรรองรับภายหลังน้ำลด ทั้งการลงพื้นที่เพื่อสำรวจพื้นที่ความเสียหาย การเตรียมเชื้อราไตรคเดอร์มาควบคุมโรคพืช และการเตรียมผลิตพืชพันธุ์ดี ให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร
สำหรับการสนับสนุนเชื้อราไตรโคเดอร์มา ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช (ศทอ.) จังหวัดสงขลาและศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช (ศทอ.) จังหวัดสุราษฎร์ธานี จะสนับสนุนหัวเชื้อชั้นขยายจำนวน 7,000 ขวด รับได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัด และศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช (ศทอ.) ในพื้นที่
นอกจากนี้ ได้เตรียมผลิตพืชพันธุ์ดี ดำเนินการโดยศูนย์ขยายพันธุ์พืชทั้ง 10 ศูนย์ และศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร ภายใต้โครงการผลิตพืชพันธุ์ดีเพื่อสำรองในกรณีช่วยเหลือ ฟื้นฟู ดูแลเกษตรกรผู้ประสบภัย และใช้ในภารกิจของกรมส่งเสริมการเกษตร
ซึ่งได้ดำเนินการเพาะพันธุ์เตรียมพร้อมรับมืออยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะพืชพันธุ์ที่เกษตรกรนิยมเพาะปลูกและรับประทาน อาทิ พริก มะเขือเปราะ มะเขือเทศ มะเขือยาว มะเขือพวง กะเพรา แมงลัก กระเจี๊ยบเขียว กล้วยน้ำว้ามะละกอ ทุเรียน กาแฟ เป็นต้น