โดย นายศตพร สภานุชาต สถาบันพลาสติก
อีกเพียง 2 เดือน ก็จะหมดปี 2019 แล้ว ทิศทางของเศรษฐกิจไทยที่ค่อนข้างชัดเจนว่าปีนี้ภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวจากปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน โดยสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2019 นี้ว่าจะขยายตัวในอัตรา +2.6% ซึ่งเกิดจากการบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมที่ขยายตัว +4.3% และ +2.7% ในขณะที่การส่งออกสินค้าคาดว่าจะลดลง -2.0%
ด้านราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในเดือนตุลาคมนี้ ยังคงเคลื่อนไหวอย่างไม่มีทิศทางจากสถานการณ์แวดล้อมที่ส่งทั้งแรงหนุนและแรงกดดันราคาน้ำมันดิบทำให้คาดเดาทิศทางยาก ไม่ว่าจะเป็นประเด็นสงครามการค้าที่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นในเดือนตุลาคม ทำให้เกิดแรงกระตุ้นเศรษฐกิจโลกได้บ้าง แต่คงต้องติดตามสถานการณ์ต่อ เนื่องจากแนวโน้มการบรรลุข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศ ยังไม่มีการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรใดๆ รวมถึงประเด็นการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลงในปี 63 ส่งผลต่อแผนการควบคุมปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ที่มีแนวโน้มขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตต่อไป จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ทิศทางราคาเม็ดพลาสติกมีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบอย่างไม่มีทิศทางที่ชัดเจนเช่นกัน คาดว่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกระยะหนึ่ง
ภาคการผลิตและการค้ามีการฟื้นตัวเล็กน้อยจากช่วงการหดตัวต่อเนื่องที่ผ่านมา โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมกลุ่มเม็ดพลาสติกขยายตัว +0.9% จากเดือนที่ผ่านมา และกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกขยายตัว +1.8% สอดรับกับทิศทางการส่งออกในกลุ่มเม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ขยายตัวเชิงมูลค่า +4.5% และ +2.1% โดยการส่งออกดังกล่าวนั้นขยายตัวได้ดีในตลาดเอเชียซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลัก ในอัตรา +4.4% ถึง +4.6% อย่างไรก็ตามด้านระดับความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมและภาคการบริโภคยังคงมีมุมมองเชิงลบต่อภาวะเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบันอยู่
การขยายตัวของการผลิตและการส่งออกดังกล่าวเป็นปัจจัยจากการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในแถบยุโรป อย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงประเทศสหรัฐฯ และจีน ที่มีระดับ PMI ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงระดับต่ำกว่า 50 จุดอยู่ ซึ่งคงต้องเฝ้าดูว่าจะเป็นการฟื้นตัวระยะสั้นหรือไม่ นอกจากนี้ ที่น่าจับตามองคือตลาดในกลุ่มเอเชียและอาเซียนโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ที่บรรยากาศทางเศรษฐกิจเหมือนยังคงตึงตัว…