ตัวแทนเกษตรกรภาคตะวันออก ยื่นพาณิชย์ 7 ข้อ ช่วยแก้ราคายางตกต่ำ ส่วนปาล์ม จี้ปราบปรามน้ำมันปาล์มเถื่อน เพิ่มใช้ผลิตไบโอดีเซล ด้านพาณิชย์ชี้ ที่ผ่านมาช่วยต่อเนื่องอยู่แล้ว

เมื่อเร็วๆนี้ ได้มีกลุ่มตัวแทนผู้ปลูกยางพาราภาคตะวันออกได้ยื่นหนังสือผ่าน นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเสนอ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้แก้ไขปัญหาราคายางพารา และสินค้าเกษตรตกต่ำ เช่น ต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ผลักดันการส่งออกยางพารา ส่งเสริมการใช้น้ำมันปาล์ม และพืชน้ำมัน เพื่อให้ราคาปรับตัวดีขึ้น ซึ่งในภาพรวม เป็นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการอยู่แล้ว โดยเฉพาะการผลักดันการส่งออกยางพารา แต่บางประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวง ก็จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรให้

ทั้งนี้ ตัวแทนเกษตรกร นำโดย นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ รองนายกองค์การส่วนบริหารจังหวัดชลบุรี นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดชลบุรี นายศุภชัย ธาราธนวัตร นายกสมาคมเพื่อเกษตรกรภาคตะวันออก นายไพชยนต์ กังวลกิจ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดชลบุรี และแกนนำเกษตรกรฯ จังหวัดชลบุรี เพื่อนำเสนอมาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหาผลผลิตเกษตรที่มีราคาตกต่ำอย่างมาก (ยางพาราและปาล์มน้ำมัน)

โดยเอกสารระบุว่า ประชาชนผู้ประกอบอาชีพเกษตรในเขตอำเภอบ่อทอง และพื้นที่ใกล้เคียง ได้ร่วมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาผลผลิตเกษตรที่มีราคาตกต่ำ ผู้ประกอบอาชีพได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว ได้ข้อสรุปแยกเป็นประเด็น ดังนี้

1. ขอทวงถามความคืบหน้าเกี่ยวกับนโยบายที่รัฐบาลสนับสนุนและส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐมีมาตรการนำยางพาราไปใช้เพื่อส่งเสริมการใช้ยางพาราภายในประเทศ เช่นการนำยางพาราไปเป็นส่วนผสมทดแทนวัสดุอื่นในการทำถนน ลานกีฬา ลู่วิ่ง ฯลฯ

2. ขอให้รัฐบาลกำหนดมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนระยะสั้น โดยออกมาตรการให้เงินชดเชยให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง โดยไม่เห็นด้วยกับการลดปริมาณยางฯโดยการพักการกรีด 3 เดือนและให้เกษตรกรไปฝึกอาชีพ

3.ขอให้รัฐบาล และการยางแห่งประเทศไทย (กยส.) หยุดเก็บเงินเซสส์ (CESS) ชั่วคราวที่ปัจจุบันเก็บในอัตรา 2 บาทต่อกิโลกรัม โดยการนำเงินดังกล่าวมาช่วยเหลือเกษตรกรสวนยาง โดยชดเชยราคาผลผลิตคืนให้กับเกษตรกรโดยตรงและควรใช้มาตรา 44 ปรับปรุงกฎหมายฯแก้ไขสัดส่วนการใช้เงิน กองทุนฯให้ยืดหยุ่นมากขึ้น

4. ขอให้รัฐบาลพิจารณากำหนดเขตพืชเศรษฐกิจ หรือกำหนดพื้นที่ทำโซนนิ่ง (Zoning) อย่างชัดเจนโดยประกาศเป็นพันธะสัญญาร่วมกันในการทำข้อตกลงฯ ในการปลูกพืชฯเศรษฐกิจในเขต 5. ขอให้รัฐบาลสนับสนุนให้มีความร่วมมือระดับพหุภาคีกับประเทศคู่ค้าต่างประเทศ เพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยแก้ไขระเบียบให้เกิดการส่งเสริมสำนักงานการค้าหรือตัวแทนการค้าที่สามารถแข่งขันได้จริงในประเทศเป้าหมายและตลาดใหม่เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้สินค้าเกษตรโภคภัณฑ์และเกษตรแปรรูปของไทย และเป็นช่องทางการคานอำนาจของเกษตรกรฯ

6. ขอให้รัฐบาลส่งเสริม และสนับสนุนให้มีการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรกับต่างประเทศ

7. ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรกร บนเอกสารสิทธิ์ที่ดิน(สปก.) และเอกสารสิทธิที่ไม่ได้รับรองจากกฎหมายฯให้สามารถซื้อขาย ครอบครอง เป็นหลักประกันสินเชื่อและสามารถเปลี่ยนมือกันได้อย่างถูกต้อง และสามารถปลูกสร้าง สิ่งปลูกสร้างประเภทถาวรในเอกสารสิทธิ์ได้

ส่วนเรื่องปาล์มน้ำมัน 1. ขอให้รัฐบาลสนับสนุน และส่งเสริมให้มีการนำส่วนผสมน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้น เพื่อผลิต น้ำมันไบโอดีเซลจาก B7 เป็น น้ำมันไบโอดีเซล B20 เพิ่มขึ้น 2. ขอให้รัฐบาลกำหนดปาล์มเป็นพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับยางธรรมชาติ3. ส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มในลักษณะสหกรณ์ฯผู้ปลูกเพื่อเป็นการคานอำนาจระหว่างชาวสวนกับโรงงาน 4. ปราบปรามน้ำมันปาล์มเถื่อนอย่างจริงจัง และ 5. ส่งเสริมและยกระดับการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่

อนึ่ง ราคายางพารา ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2561 ณ ตลาดท้องถิ่นจังหวัดสงขลา ราคายางแผ่นดิบที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่ 38.90 บาท/กิโลกรัม(กก.) น้ำยางสด(ณโรงงาน)อยู่ที่ 40.50 บาท/กก. ส่วนราคาผลปาล์มน้ำมันในภาคใต้ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยที่ 2.80-3.25 บาท/กก.

ติดตามข่าวสารข้อมูลยางและพลาสติก เพิ่มเติมที่ www.rubberplasmedia.com, www.rubbmag.com

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here